คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การกู้ยืมเงินนั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 มิได้มีความหมายเคร่งครัดถึงกับว่าจะต้องมีถ้อยคำว่ากู้ยืมเงินเป็นหลักฐานในเอกสาร
เมื่อโจทก์มีหนังสืออันอาจแสดงความเป็นหนี้ลงลายมือชื่อลูกหนี้ ก็อาจเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมได้

ย่อยาว

เดิมโจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้เงินไป 10,000 บาท จำเลยไม่ชำระจึงฟ้องขอให้ศาลบังคับ

จำเลยต่อสู้ว่าไม่เคยทำหนังสือกู้ยืมเงินและรับเงินจากโจทก์สัญญาท้ายฟ้องไม่ใช่สัญญากู้ เป็นเพียงใบรับเงินเท่านั้น ความจริงจำเลยกับนางสุมนากู้เงินโจทก์และสามี 20,000 บาท โจทก์จ่ายให้เพียง 10,000 บาท นอกนั้นจะให้ในคราวต่อไป โจทก์กับสามีให้จำเลยเขียนใบรับเงินเป็นหลักฐาน ต่อมาจำเลยได้ชำระเงินจำนวนนั้นแล้ว

ก่อนวันชี้สองสถานโจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องว่าการกู้เงินตามฟ้องนั้นจำเลยได้ทำใบรับเงินชั่วคราวให้ไว้ก่อนเพราะเป็นการด่วนจำเลยจะเซ็นสัญญากู้ให้ภายหลังแต่แล้วจำเลยก็ไม่ยอมทำให้

จำเลยขอให้วินิจฉัยชี้ขาดปัญหาข้อกฎหมายเบื้องต้น ศาลจังหวัดศรีษะเกศเห็นด้วยเลยสั่งให้งดสืบพยาน ทั้งมิได้มีคำสั่งคำร้องของโจทก์ที่ขอเพิ่มเติมฟ้องประการใด แล้ววินิจฉัยว่าสำเนาเอกสารท้ายฟ้องและคำร้องเพิ่มเติมฟ้องไม่มีข้อความว่าจำเลยกู้เงินโจทก์จึงไม่เป็นหลักฐานในคดีกู้เงิน พิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์และดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องได้ตามขอ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 มิได้มีความหมายเคร่งครัดถึงกับว่าจะต้องมีถ้อยคำว่ากู้ยืมเป็นหลักฐานในเอกสาร เมื่อโจทก์มีหนังสืออันอาจแสดงความเป็นหนี้ลงลายมือชื่อลูกหนี้มาอ้างเช่นนี้ก็อาจเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมได้

พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share