คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยลักทรัพย์ระหว่างนั้น ถึงวันนั้น ซึ่งเป็นระยะเวลา 20 วันเศษ เวลาใดไม่ปรากฎชัด ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 288, 293. ดังนี้ ย่อมกินความตลอดทั้งเวลากลางวันและกลางคืน ซึ่งเมื่อจำเลยรับสารภาพว่า ลักทรัพย์เขาไปในเวลากลางคืนแล้ว ศาลก็ย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์
ในเวลากลางคืนตามมาตรา 293 ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๔๙๔ ถึงวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๔๙๔ เวลาใดไม่ปรากฎชัด ไจำเลยด้บังอาจลักพระเครื่องลาง ๓ องค์ และธนบัตรชนิดต่าง ๆ ๓๐๐ บาท ของพระภิกษุวุฒิไป ฯลฯ ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๘๘, ๒๙๓.
จำเลยรับสารภาพว่า ได้ลักทรัพย์ดังกล่าวไปจริง ในเวลากลางคืน
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๙๓ จำคุก ๑ ปี ฯลฯ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดตามมาตรา ๒๘๘ นอกนั้นยืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องกล่าวว่า ระหว่าง ๒๐ วันเศษนั้น จำเลยลักทรัพย์ของเจ้า
ทรัพย์ไป แต่จะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน ไม่ปรากฎชัด ดังนี้ ย่อมกินความตลอดทั้งเวลากลางวันและเวลากลางคืนจำเลยก็รับว่า ได้ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน จึงลงโทษจำเลยตามมาตรา ๒๙๓ ตามที่โจทก์ไว้ด้วยตามศาลชั้นต้น

Share