คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นกรรมการบริษัท ตามข้อบังคับของบริษัท ต้องมีกรรมการ 2 นาย ลงชื่อและประทับตราของบริษัทในเช็ค ๆ จึงจะใช้ได้ เมื่อจำเลยลงชื่อในเช็คโดยเชื่อกรรมการผู้จัดการว่า บริษัทมีเงินพอจ่าย เช่นนี้ จำเลยไม่มีความผิดตามฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเจตนาทุจริต สมคบกับนายจี้ล้งออกเช็คของธนาคารไทยทนุให้จ่ายเงิน ๕๐,๐๐๐ บาทโจทก์ผู้ทรงเช็คไปขอขึ้นจากธนาคาร ๆ ปฏิเสธไม่จ่ายเงิน เพราะเงินมีไม่พอในขณะออกเช็ค ขอให้ลงโทษตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลย เป็นกรรมการบริษัทโรงเลื่อยจักรพนาชัย จำกัด นายจี้ล้งเป็นกรรมการผู้จัดการและเห็นว่าจำเลยเป็นผู้ออกเช็ค จำเลยลงชื่อในเช็คตามข้อบังคับของบริษัท โดยมอบให้นายจี้ล้งกรอกรายการสั่งจ่ายเงินตามที่เห็นสมควร เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเพราะเงินตามบัญชีไม่พอจ่าย จำเลยต้องมีผิด พิพากษาให้จำคุกจำเลย ๔ เดือน ตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อเท็จจริงไม่พอฟังว่าจำเลยกระทำผิด พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า เช็คฉบับที่ฟ้องเป็นเช็คของบริษัทโรงเลื่อยพนาชัย จำกัด ลงลายมือชื่อนายจี้ล้งกรรมการผู้จัดการ และจำเลยกรรมการ ประทับตราตามข้อบังคับของบริษัท เหตุที่จะออกเช็คได้ความตามคำพยานโจทก์ว่า นายจี้ล้งผู้เดียวไปขอยืมเงินโดยติดต่อกับนายเซียวอื้อน้องเขยโจทก์ นายจี้ล้งบอกว่ายืมไปค้าขาย นายจี้ล้งผู้เดียวรับเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท ไปจากนายเซียวอื้อ และมอบเช็คฉบับนี้ให้นายเซียวอื้อ เมื่อมอบเช็ค มีลายมือชื่อจำเลยและประทับตราของบริษัทอยู่แล้ว นายจี้ล้งลงลายมือชื่อต่อหน้านายเซียวอื้อ จำเลยนำสืบว่า จำเลยลงชื่อในเช็คให้บริษัทไว้ในฐานะเป็นกรรมการคนหนึ่งตามข้อบังคับของบริษัท เพื่อนายจี้ล้งกรรมการผู้จัดการบอกวา บริษัทมีเงินเป็นจำนวนแสนบาท บัดนี้ นายจี้ล้งหลบหนีและต้องข้อหาว่ายักยอกทรัพย์ของบริษัท ข้อนำสืบของจำเลยจึงสอดคล้องพยานโจทก์ฟังเป็นจริงได้ ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า จำเลยทุจริตสมคบกับนายจี้ล้งออกเช็คโดยรู้ว่าไม่มีเงินพอจ่ายในวันออกเช็คเพราะข้อเท็จจริงแสดงว่า จำเลยเชื่อนายจี้ล้งว่าบริษัทมีเงินพอจ่ายตามเช็คไม่เป็นความผิดตามฟ้อง ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share