แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยเอาความเท็จ มาหลอกลวงผู้เสียหายว่า จะเอารถยนต์ซึ่งจำเลยเอามามอบให้ผู้เสียหายไว้เป็นประกันเงินกู้ไปบรรทุกผลไม้ เจ้าทุกข์หลงเชื่อ จึงมอบรถให้ไปหรือเจ้าทุกข์มอบรถยนต์ให้จำเลยโดยจำเลยยืมเอาไปรับจ้างบรรทุกผลไม้แล้วจะส่งคืน แล้วจำเลยจึงเอาไปขายเสีย ขอให้ลงโทษตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 304,314 ดังนี้ เป็นฟ้องที่บรรยายการกระทำของจำเลยขัดกันอยู่ในตัวและขาดองค์ความผิดฐานฉ้อโกงและยักยอกเป็นฟ้องไม่ถูกต้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องบรรยายว่า จำเลยเอาความเท็จมาหลอกลวงผู้เสียหายว่า จะเอารถยนต์ ซึ่งจำเลยเอามามอบให้ผู้เสียหายไว้ประกันเงินกู้ไปบรรทุกผลไม้ เจ้าทุกข์หลงเชื่อจึงมอบรถให้ไป หรือเจ้าทุกข์มอบรถยนต์ให้จำเลย โดยจำเลยยืมเอาไปรับจ้างบรรทุกผลไม้แล้วจะส่งคืน แล้วจำเลยจึงเอาไปขายเสีย ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 304, 314
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์บรรยายการกระทำของจำเลยขัดกันอยู่ในตัว กล่าวคือ ถ้าหากจะฟังว่าจำเลยเอาความเท็จมาหลอกลวงให้เจ้าทุกข์ส่งรถให้แล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องยืมรถ และถ้าหากเป็นเรื่องยืมรถกันดังที่โจทก์ขอแก้ฟ้องมาแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องจำเลยเอาความเท็จมาหลอกลวงเจ้าทุกข์ ซึ่งยังเป็นเรื่องขาดองค์ความผิดฐานฉ้อโกงด้วย หากจะพิจารณาฟ้องในทางหาว่ายักยอก ก็ปรากฏตามคำฟ้องนั้นว่ารถเป็นของจำเลยมามอบให้ผู้เสียหายไว้เป็นประกันเงินกู้ ความผิดฐานยักยอกตามมาตรา 314 จะต้องเป็นทรัพย์ของผู้อื่นไม่ใช่ทรัพย์ของจำเลยเอง จึงขาดองค์ความผิดฐานยักยอกอีก ฟ้องเช่นนี้ไม่ถูกต้อง
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น