คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 797/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายว่าคูหรือลำกระโดงรายพิพาทอยู่ระหว่างที่ดินของโจทก์จำเลย ถือตรงกึ่งกลางเป็นแนวเขต และต่างได้ใช้เป็นทางเรือสัญจรไปมาเข้าอกได้ด้วยกัน แม้ในตอนท้ายฟ้องจะมีว่าคูหรือกะโดงนี้ตกเป็นภาระจำยอมแล้ว ศาลก็วินิจฉัยว่าโจทก์จำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันได้ในคูเรือลำกะโดงรายนนี้ได้ ไม่ถือว่าเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยมีที่ดินที่ติดต่อกันทางด้านติดต่อกันมีลำกะโดงหรือคูกว้างประมาณ ๔ ศอก ยาวตลอดเนื้อที่ทั้ง ๒ ฝ่าย โจทก์จำเลยถือตรงกึ่งกลางคูหรือลำกะโดงเป็นแนวออกได้ด้วยกันประมาณ ๒๖-๒๗ ปีแล้ว บัดนี้จำเลยบังอาจถมดินเป็นทำนบปิดทางเรือเข้าออก อนึ่งคูหรือลำกะโดงนี้ถึงแม้ส่วนมากจะอยู่ในโฉนดของจำเลยก็จริง แต่โจทก์ใช้คูหรือลำกะโดงนี้มาตั้ง ๒๐ ปีกว่าแล้ว ย่อมตกเป็นภาระจำยอมจำเลยไม่มีสิทธิจะปิดได้ จึงขอให้บังคับจำเลยเปิดทนบที่ปิดให้โจทก์ใช้เรือสัญจรไปมาเข้าออกได้ตามปกติ และห้ามอย่าให้จำเลยหรือบริวารใช้เครื่องกีดกันในการสัญจรไปมาแก่คูนั้นอีกต่อไป กับขอให้จดทะเบียนภาระจำยอมในโฉนดจำเลยด้วย
ศาลชั้นต้นฟังคำพยานโจทก์เห็นว่า โจทก์จำเลยมีกรรมสิทธิ์ในคูรายพิพาทร่วมกัน จึงพิพากษาให้จำเลยเปิดทำนบที่กั้นให้คงสภาพเดิม ส่วนที่ขอให้จดทะเบียนภาระจำยอม โจทก์ไม่มีอำนาจจะขอให้ทำเช่นนั้นได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาหลายข้อ ข้อ ๑ ว่าโจทก์ฟ้องขอให้เปิดทำนบในลำกะโดง โดยบรรยายว่าลำกะโดงเป็นภาระจำยอม ศาลจะพิพาษาว่าลำกระโดงเป็นภาระจำยอม ศาลจะพิพากษาว่าลำกระโดงเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมระหว่างโจทก์จำเลยไม่ได้
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องโจทก์บรรยายชัดว่าคูหรือลำกระโดงรายพิพาทอยู่ระหว่างที่ดินของโจทก์จำเลย ถือตรงกึ่งกลางเป็นแนวเขต และต่างได้ใช้เป็นทางเรือสัญจรไปมาเข้าอกได้ด้วยกัน ฉะนั้นที่ศาลล่างวินิจฉัยว่าโจทก์จำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในคูหรือลำกะโดงรายนี้ การวินิจฉัยตรงตามประเด็นแล้ว ที่โจทก์กล่าวตอนท้ายฟ้องว่า คูหรือกะโดงรายนี้ตกเป็นภาระจำยอมด้วย หาเป็นข้อหาที่จะทำให้ฟ้องของโจทก์ดังกล่าวแล้วเสียหายไปไม่ จึงพิพากษายืน

Share