คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1239/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยเอาความเท็จ มาหลอกลวงผู้เสียหายว่าจะเอารถยนต์ซึ่งจำเลยเอามามอบให้ผู้เสียหายไว้เป็นประกันกู้ไปบรรทุกผลไม้เจ้าทุกข์หลงเชื่อ จึงมอบรถให้ไปหรือเจ้าทุกข์มอบรถยนต์ให้จำเลยโดยจำเลยยืมเอาไปรับจ้างบรรทุกผลไม้แล้วจะส่งคืน แล้วจำเลยจึงเอาไปขายเสีย ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 304, 314 ดังนี้เป็นฟ้องที่บรรยายการกระทำของจำเลยขัดกันอยู่ในตัวและขาดองค์ความผิดฐานฉ้อฏดงและยักยอกเป็นฟ้อง ไม่ถูกต้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องบรรยายว่า จำเลยเอาความเท็จมาหลอกลวงผู้เสียหายว่า จะเอารถยนต์ซึ่งจำเลยเอามามอบให้ผู้เสียหายไว้ประกันเงินกู้ไปบรรทุกผลไม้ เจ้าทุกข์หลงเชื่อจึงมอบรถให้ไป หรือเจ้าทุกข์มอบรถยนต์ให้จำเลยโดยจำเลยยืมเอาไปรับจ้างบรรทุกผลไม้แล้วจะส่งคืน แล้วจำเลยจึงเอาไปขายเสียขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๐๔, ๓๑๔
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์บรรยายการกระทำของจำเลยขัดกันอยู่ในตัว กล่าวคือ ถ้าหากจะฟังว่าจำเลยเอาความเท็จมาหลอกลวงให้เจ้าทุกข์ส่งรถให้แล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องยืมรถและถ้าหากเป็นเรื่องยืมรถกันดังที่โจทก์ขอแก้ฟ้องมาแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องจำเลยเอาความเท็จมาหลอกลวงเจ้าทุกข์ ซึ่งยังเป็นเรื่องขาดองค์ความผิดฐานฉ้อโกงด้วย หากจะพิจารณาฟ้งอในทางหาว่ายักยอก ก็ปรากฎตามคำฟ้องนั้นว่ารถเป็นของจำเลยมามอบให้ผู้เสียหายไว้เป็นประกันเงินกู้ ความผิดฐานยักยอกตามมาตรา ๓๑๔ จะต้องเป็นทรัพย์ของผู้อื่นไม่ใช่ทรัพย์ของจำเลยเอง จึงขาดองค์ความผิดฐานยักยอกอีก ฟ้องเช่นนี้ไม่ถูกต้อง
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share