คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1237/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยชนะคดีที่ฟ้องขับไล่ ส. ได้รับเงินที่ ส. กับผู้รับมรดกความของ ส. อันเป็นค่าเสียหายระหว่างคดีเดือนละ 100 บาท ไปรวม 8,700 บาทโจทก์ฟ้องจำเลยในคดีอีกเรื่องหนึ่งว่าที่ดินเป็นของโจทก์โดยครอบครองปรปักษ์เงินที่จำเลยรับไปจากศาลเป็นเงินที่รับไปโดยมีมูลตามกฎหมายไม่ใช่ลาภมิควรได้ที่จะต้องคืนให้โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2521 จำเลยฟ้องนายสินธ์ กฤตนันท์ให้ออกจากที่ดินที่นายสินธ์ กฤตนันท์ อาศัยอยู่ ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 75/2513 ของศาลจังหวัดสมุทรสงคราม คดีถึงที่สุดแล้ว โดยศาลฎีกาพิพากษาขับไล่นายสินธ์ กฤตนันท์ และบริวารออกจากที่ดินของจำเลย ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ นายสินธ์ตาย ผู้รับมรดกความแทนนายสินธ์ขอทุเลาการบังคับ ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับโดยให้นำเงินค่าเสียหายเดือนละ100 บาทมาวางศาล ผู้รับมรดกความแทนนายสินธ์นำเงินค่าเสียหายมาวางศาลรวมเป็นเงิน 8,700 บาท จำเลยได้รับเงินจำนวนนี้ไปจากศาลแล้ว ต่อมาวันที่ 10มกราคม 2515 โจทก์ทั้งหกในคดีนี้ได้ฟ้องจำเลย ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทซึ่งอยู่ในเขตที่ดินโฉนดของจำเลยเป็นที่ดินของโจทก์โดยการครอบครองปรปักษ์ตามคดีหมายเลขแดงที่ 34/2515 ของศาลจังหวัดสมุทรสงคราม ศาลฎีกาพิพากษาให้ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์โดยการครอบครองปรปักษ์ ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาให้จำเลยฟังวันที่ 9 มีนาคม 2521 เมื่อที่ดินพิพาทดังกล่าวเป็นของโจทก์ ค่าเสียหายและสิทธิต่าง ๆ ที่มีอยู่บนที่ดินพิพาทที่ตกได้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลฎีกาจึงตกได้เป็นสิทธิแก่โจทก์ทั้งสิ้นจำเลยได้รับเงิน8,700 บาทจากศาลดังกล่าวจึงต้องคืนเงิน 8,700 บาท ให้แก่โจทก์เพราะจำเลยรับเงินไปโดยไม่มีสิทธิชอบธรรมที่จะรับไปได้ จึงเป็นลาภมิควรได้ ขอให้จำเลยใช้เงิน 8,700 บาทแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีกับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์

จำเลยให้การว่า ค่าเสียหายที่นายสินธ์ กฤตนันท์ นำมาวางศาลเป็นเงิน8,700 บาท เป็นค่าเสียหายที่ชำระให้จำเลยตามคำพิพากษาเพียงเดือนตุลาคม2519 เท่านั้น คำพิพากษาของศาลจังหวัดสมุทรสงครามคดีแดงที่ 34/2515ไม่มีผลลบล้างหรือเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ 75/2513ของศาลจังหวัดสมุทรสงคราม เงิน 8,700 บาท ที่นำมาวางศาลเพื่อชำระหนี้จำเลยตามคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 75/2513 ของศาลจังหวัดสมุทรสงคราม มิได้เกี่ยวข้องกับโจทก์ทั้งหกในคดีหมายเลขแดงที่ 34/2515ซึ่งเป็นโจทก์ชุดเดียวกับโจทก์ในคดีนี้ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธิเรียกเงินคืนที่พิพาทเป็นของจำเลยมาก่อน จำเลยเพิ่งเสียกรรมสิทธิ์ไปบางส่วนโดยคำพิพากษาของศาลฎีกาซึ่งอ่านเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2520 ทั้งค่าเสียหายนั้นเป็นค่าเสียหายที่วางศาลชำระให้จำเลยเพียงเดือนตุลาคม 2519 ซึ่งขณะนั้นจำเลยยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่พิพาทอยู่ จำเลยจึงมีสิทธิจะรับค่าเสียหายนั้นได้ การรับเงินของจำเลยมิใช่ลาภมิควรได้ ขอให้ยกฟ้อง และให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย

วันนัดชี้สองสถาน โจทก์จำเลยรับข้อเท็จจริงกันว่า เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม2512 จำเลยฟ้องนายสินธ์ กฤตนันท์ ต่อศาลจังหวัดสมุทรสงคราม ตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 74/2512 ศาลจังหวัดสมุทรสงครามพิพากษาขับไล่นายสินธ์กฤตนันท์ ออกจากที่พิพาท ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 75/2513 นายสินธ์กฤตนันท์ ขอทุเลาการบังคับคดีชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ให้นายสินธ์ กฤตนันท์นำเงินค่าเสียหายวางศาลเดือนละ 100 บาท นับแต่เดือนสิงหาคม 2512 เป็นต้นไปและผู้รับมรดกความของนายสินธ์ กฤตนันท์ ซึ่งถึงแก่ความตายนำเงินค่าเสียหายมาวางศาลเดือนละ 100 บาท นับแต่เดือนสิงหาคม 2512 จนถึงเดือนตุลาคม2519 รวมเป็นเงิน 8,700 บาท คดีดังกล่าวศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยชนะคดีถึงที่สุดแล้ว ตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2516 จำเลยได้รับเงิน 8,700 บาทไปจากศาลแล้วโจทก์ทั้งหกในคดีนี้ได้ฟ้องจำเลยว่า โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ ศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีและคดีถึงที่สุดเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2520 ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 34/2515 ของศาลจังหวัดสมุทรสงคราม โจทก์จำเลยขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเพียงประเด็นข้อเดียวว่าโจทก์มีสิทธิเรียกเงินจากจำเลยฐานเป็นลาภมิควรได้หรือไม่เพียงใด โดยสละประเด็นข้ออื่น ๆ ทั้งหมด ศาลชั้นต้นเห็นว่าข้อเท็จจริงที่คู่ความรับกันนั้นเพียงพอที่จะวินิจฉัยคดีได้แล้ว จึงให้งดสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้ว

พิพากษายืน จำเลยไม่มีทนายความ จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นฎีกาให้

Share