คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1236/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ใช้ทางพิพาทโดย ส. เจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินยินยอมให้ใช้ เมื่อเป็นการใช้โดยเจ้าของที่ดินยินยอม แม้จะเป็นเวลานานเท่าใดก็ไม่ได้ภารจำยอม โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินคำขออุทธรณ์ของโจทก์เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องแล้ว ก็ต้องวินิจฉัยในประเด็นข้อต่อไปว่า โจทก์ทั้งสี่ได้สิทธิภารจำยอมบนถนน จะมีสิทธิขอให้จำเลยทั้งสี่รื้อถอนกำแพงออกจากถนนพิพาทได้หรือไม่ และตามคำฟ้องของโจทก์กล่าวอ้างว่า โจทก์ได้สิทธิภารจำยอมบนถนนพิพาทขอให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันรื้อถอนกำแพงออกไป และในอุทธรณ์ของโจทก์ก็มีคำขอให้พิพากษาตามฟ้องของโจทก์ด้วย การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวจึงมิได้พิพากษาเกินคำขอ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสี่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ตึกแถวเลขที่ 643/108, 643/107, 643/106 และ 643/105 ตามลำดับ ตึกแถวทั้งสี่ห้องดังกล่าวตั้งอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 5241 ซึ่งโจทก์ทั้งสี่เช่าที่ดินจากนายสมหมายเจ้าของที่ดินได้จัดแบ่งที่ดินออกเป็นแปลงย่อย โดยให้มีถนนผ่านด้านหน้าและด้านหลังอาคารที่ผู้เช่าปลูกสร้างทุกแปลง ต่อมา ปี 2530 นายสมหมายได้แบ่งขายที่ดินบางส่วนให้แก่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 และบุคคลอื่นรวม 12 รายแต่ยังไม่ได้แบ่งแยกโฉนดกัน จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันสร้างกำแพงขึ้นบนถนนด้านหลังตึกแถวของจำเลยทั้งสี่ซึ่งถนนดังกล่าวนั้นนายสมหมายได้อุทิศให้เป็นทางภารจำยอมโดยปริยายตั้งแต่ก่อนปี 2517ให้เจ้าของตึกแถวทั้งสองด้านได้ใช้ทางเดินเข้าออกและนำรถเข้าออกตลอดมา การที่จำเลยทั้งสี่สร้างกำแพงขึ้นจึงเป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสี่และบุคคลอื่นซึ่งเคยใช้ถนนพิพาทในการสัญจรไปมาไม่สามารถที่จะใช้ถนนต่อไปโดยสะดวก ทั้งไม่สามารถนำรถยนต์เข้าไปจอดได้ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันรื้อถอนกำแพงรั้วและสิ่งปลูกสร้างและให้จัดการทำถนนดังกล่าวอยู่ในสภาพเดิม หากจำเลยทั้งสี่ไม่ยอมรื้อถอนขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ทั้งสี่มีอำนาจรื้อถอนเองโดยจำเลยทั้งสี่เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการรื้อถอน และห้ามจำเลยทั้งสี่เข้าไปเกี่ยวข้องกับถนนดังกล่าว
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า โจทก์ทั้งสี่ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินที่โจทก์ทั้งสี่ปลูกตึกแถวอยู่อาศัย ที่ดินดังกล่าวรวมทั้งถนนพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของนายสมหมาย ทองประเสริฐ นายสมหมายไม่เคยอุทิศให้เป็นทางภารจำยอมดังโจทก์อ้าง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยทั้งสี่โดยกำหนดค่าทนายความ
โจทก์ทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่านายสมหมาย ทองประเสริฐ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 5241 เนื้อที่ 2 ไร่ 3 งาน 41 ตารางวานายสมหมายได้แบ่งที่ดินดังกล่าวเป็นแปลงย่อย ๆ ให้บุคคลอื่นเช่าปลูกตึกแถว โดยกรรมสิทธิ์ในตึกแถวยังเป็นของผู้เช่า โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4 เช่าที่ดินดังกล่าวจากนายสมหมายและเป็นเจ้าของตึกแถวห้องเลขที่ 643/108, 643/107,643/106 และ 643/105 ตามลำดับ เดิมจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 เช่าที่ดินดังกล่าวจากนายสมานและเป็นเจ้าของตึกแถวเลขที่ 643/61, 643/63-66,643/62 และ 643/60 ตามลำดับ ระหว่างตึกแถวของโจทก์ทั้งสี่และจำเลยทั้งสี่มีถนนพิพาทกว้างประมาณ 4 เมตร อยู่ตรงกลาง ต่อมาเดือนธันวาคม 2530 จำเลยทั้งสี่ซื้อที่ดินที่จำเลยเช่าและถนนพิพาทจากนายสมหมาย แล้วสร้างกำแพงในถนนพิพาทห่างจากตึกแถวของโจทก์ทั้งสี่ประมาณ 1 เมตร สูงประมาณ 1 เมตร ยาวตลอดแนวตึกแถวของโจทก์ทั้งสี่ มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งสี่ว่าโจทก์ทั้งสี่ได้สิทธิภารจำยอมบนถนนพิพาทหรือไม่ นายโชคชัย เอกพจนานันท์ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ พยานโจทก์เบิกความว่านายสมหมายได้เว้นทางพิพาทไว้เพื่อให้ทุกคนไว้ใช้ร่วมกัน โจทก์ที่ 4 เบิกความว่านายสมหมายอนุญาตให้ใช้ทางพิพาทเข้าออกได้ นายสมหมายพยานจำเลยเบิกความว่า พยานไม่ได้อนุญาตให้บุคคลทั่วไปใช้เส้นทางพิพาทดังกล่าวข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า โจทก์ใช้ทางพิพาทโดยนายสมหมายยินยอมให้ใช้ เมื่อเป็นการใช้โดยเจ้าของที่ดินยินยอมแล้ว แม้จะเป็นเวลานานเท่าใดก็ไม่ได้ภารจำยอม ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
ที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินคำขออุทธรณ์ของโจทก์เพราะโจทก์อุทธรณ์ในปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเท่านั้น เห็นว่าเมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องแล้ว ก็ต้องวินิจฉัยในประเด็นข้อต่อไปว่า โจทก์ทั้งสี่ได้สิทธิภารจำยอมบนถนนพิพาทอันจะมีสิทธิขอให้จำเลยทั้งสี่รื้อถอนกำแพงออกไปจากถนนพิพาทได้หรือไม่ อันเป็นประเด็นข้อพิพาทที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ในวันนัดชี้สองสถานและในอุทธรณ์ของโจทก์ก็มีคำขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาตามฟ้องของโจทก์ด้วย ตามคำฟ้องของโจทก์กล่าวอ้างว่าโจทก์ได้สิทธิภารจำยอมบนถนนพิพาท การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวจึงมิได้พิพากษาเกินคำขอแต่อย่างใด ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share