คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1235/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ชายคู่หมั้นตั้งรังเกียจหญิงคู่หมั้น โดยหญิงคู่หมั้นนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานซึ่งชายอื่นขี่เพื่อไปดูภาพยนตร์ในเวลากลางคืน มีเพื่อนไปด้วยกันรวม 7 คน แล้วชาวบ้านคิดเดาและลือกันว่าหญิงนั้นมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับชายที่ขี่จักรยานนั้น การที่หญิงคู่หมั้นกระทำเพียงเท่านี้ แล้วต่อมาหญิงนั้นไม่ยอมสมรสกับชายคู่หมั้น ก็จะถือว่าเพราะมีเหตุผลสำคัญอันเกิดแต่หญิงนั้นหาได้ไม่ หญิงนั้นจึงมิต้องคืนของหมั้นเพราะเหตุเช่นนี้
ชายคู่หมั้นหมิ่นประมาทหญิงคู่หมั้นซึ่งเป็นการร้ายแรงตามความหมายในมาตรา 1500(2) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ย่อมเป็นเหตุผลอันสำคัญอันเกิดแต่ชายคู่หมั้นซึ่งหญิงคู่หมั้นจะไม่ยอมสมรสกับชายนั้นโดยมิต้องคืนของหมั้นได้
ถ้อยคำที่ถือว่าเป็นการหมิ่นประมาทซึ่งเป็นการร้ายแรงตามความหมายในมาตรา 1500(2)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้รับหมั้นโจทก์เป็นของหมั้นราคา 2,800 บาทและตกลงกันว่าโจทก์ต้องหาเงินให้เป็นค่าเรือนหออีก 10,000 บาท ครบเมื่อใดจะแต่งงานด้วย ต่อมาจำเลยบอกปัดและไม่ยอมคืนของหมั้นขอให้บังคับให้จำเลยแต่งงานกับโจทก์ ถ้าไม่ยอมก็ขอให้คืนของหมั้นหรือใช้ราคา

จำเลยให้การรับว่า ได้รับหมั้นด้วยของหมั้นจริง และตกลงกันว่าจะสมรสกันตามประเพณีในเดือน 4 พ.ศ. 2504 ในการสมรสโจทก์ต้องนำเงิน 10,000 บาทมาเป็นค่าเรือนหอ ต่อมาโจทก์ขอคืนหมั้น อ้างว่าจำเลยเกี่ยวพันทางชู้สาวกับชายอื่น ซึ่งไม่ใช่ความจริง เมื่อปรับความเข้าใจกันแล้วก็ตกลงจะสมรสตามสัญญาเดิม แต่โจทก์เพิกเฉยจนพ้นกำหนดจำเลยถือว่าโจทก์ผิดสัญญาหมั้น เป็นเหตุให้จำเลยเสียชื่อเสียงและเสียเงินค่าใช้จ่าย ของหมั้นย่อมตกแก่จำเลย หลังจากโจทก์ผิดสัญญาหมั้น โจทก์ยังพูดจาว่าร้ายจำเลยด้วยคำหยาบ แล้วโจทก์กลับตั้งวิวาทขอของหมั้นคืนจนถึงชั้นอำเภอโจทก์เพิ่งขอแต่งงานในชั้นอำเภอ แต่ที่โจทก์ตั้งรังเกียจจำเลยจนพูดจาว่าร้ายจำเลยรุนแรงนั้น เป็นพฤติการณ์ที่เป็นปรปักษ์ต่อการอยู่กินเป็นสามีภรรยากัน จำเลยจึงไม่อาจยอมสมรสกับโจทก์ การที่ไม่ยอมสมรสกับโจทก์ มีเหตุผลสำคัญอันเกิดแต่โจทก์เองตามพฤติการณ์ดังกล่าวแล้วจำเลยชอบที่จะไม่คืนของหมั้นด้วย

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนของหมั้น หากไม่อาจคืนก็ให้ใช้ราคา

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า

1. ได้ความว่าจำเลยได้กระทำเพียงนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานซึ่งนายฟุ้งขี่เพื่อไปดูภาพยนตร์ในเวลากลางคืน มีเพื่อไปด้วยกันรวม 7 คน แล้วบุคคลอื่นนึกเดาและลือกันว่าจำเลยมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับนายฟุ้ง จะหาว่าจำเลยเป็นผู้ก่อความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับนายฟุ้ง หรือเป็นผู้ก่อข่าวลือ ย่อมผิดความจริง จึงมิใช่เหตุผลสำคัญอันเกิดแต่หญิงจำเลยมิต้องคืนของหมั้น และที่โจทก์กล่าวว่า แม้จำเลยจะมิได้เสียหาย เพียงคำเล่าลือที่คนส่วนมากเชื่อก็เป็นเหตุผลสำคัญอันหนึ่งซึ่งหญิงจะต้องคืนของหมั้นนั้น โจทก์มิได้นำสืบให้เชื่อถือได้ว่าคนเชื่อมีจำนวนเป็นส่วนมาก ที่ชาวบ้านล่ำลือกันเป็นลักษณะเพียงได้ยินเขามาก็ว่ากันต่อไป และเมื่อจำเลยมิได้เสียหาย จะถือเอาแต่เพียงที่ชาวบ้านได้ยินเขามาก็ว่ากันต่อไปนั้น ว่าการที่จำเลยไม่ยอมสมรสกับโจทก์มีเหตุผลสำคัญอันเกิดแต่หญิง ก็ย่อมไม่เป็นธรรมแก่จำเลย จำเลยจึงมิต้องคืนของหมั้น

2. คดีฟังได้ตามที่จำเลยนำสืบว่า หลังจากมีข่าวลือว่าจำเลยมีความสัมพันธ์กับนายฟุ้งทางชู้สาวแล้ว โจทก์ก็ไม่ไปมาหาสู่จำเลย จนพ้นเวลาที่กำหนดไว้ก็ไม่มาแต่งงานหลังจากนั้นหลานจำเลยเคยให้ปลาโจทก์ ๆ ก็ว่ากระทบจำเลยว่า ไม่เอาปลาเน่าและขากเสลดต่อมาก็พูดฝากนางสาวซ้อนมาว่า อีลิ (จำเลย) มันคันหี ปล่อยมันคันอยู่นั้นแหละ เมื่อจำเลยถามโจทก์ ๆ ก็ว่าพูดฝากไปจริง และว่ามึงเสือกเดินหีบิดหีเบี้ยวมาหากูทำไม ศาลฎีกาเห็นว่า ถ้อยคำที่โจทก์ด่าว่าจำเลยดังกล่าวนี้ ไม่ว่าจะเรียกว่าเป็นการดูหมิ่นจำเลยซึ่งหน้า หรือจะเรียกว่าเป็นการสบประมาทจำเลยอย่างร้ายแรงก็เป็นการที่โจทก์หมิ่นประมาท จำเลยซึ่งเป็นการร้ายแรง ตามความหมายในมาตรา 1500(2) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ นั่นเองซึ่งแม้เป็นสามีภรรยากันแล้วกฎหมายก็ยังยอมให้เป็นเหตุฟ้องหย่าได้ดังนั้น ในกรณีของโจทก์จำเลยในคดีนี้ซึ่งเป็นคู่หมั้นกัน จำเลยจึงไม่ยอมสมรสกับโจทก์ เพราะมีเหตุผลสำคัญอันเกิดแต่โจทก์หมิ่นประมาทจำเลยซึ่งเป็นการร้ายแรง โดยจำเลยมิต้องคืนของหมั้นได้

พิพากษายืน

Share