แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การชำระราคาไม่ใช่สาระสำคัญแห่งการโอนกรรมสิทธิทรัพย์ตามสัญญาซื้อขาย ซื้อขายที่ดินกันแต่ยังหาได้ไปจดทะเบียนไม่ผู้ขายกลับเอาที่ดินนั้นไปขายให้แก่ผู้อื่นซึ่งทราบถึงการซื้อขายรายเดิมดังนี้ ผู้ซื้อรายแรกเรียกให้เพิกถอนการจดทะเบียนการซื้อขายรายหลังได้ เพราะเปนผู้ที่อยู่ในฐานะกอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อน
ย่อยาว
ได้ความว่าโจทก์กับจำเลยที่ ๒ ได้ซื้อที่ดินซึ่งเปนมฤดกของ ด.จากจำเลยที่ ๑ โจทก์ได้ชำระเงินส่วนของโจทก์แล้ว ๒๐๐ บาทที่ค้างตกลงกันว่าจะชำระเมื่อโอนโฉนด เมื่อซื้อแล้วโจทก์ก็เข้าครอบครองปลูกเรือนล้อมรั้วอยู่หลายปี แต่ยังไม่ครบ ๑๐ ปี ที่ดินที่ซื้อนี้เปนของโจทก์ครึ่งหนึ่งของจำเลยที่ ๒ ครึ่งหนึ่ง ซื้อแล้วยังหาได้โอนโฉนดกันไม่ ต่อมาจำเลยที่ ๑ ได้โอนขายที่ดินทั้งหมดให้แก่จำเลยที่ ๒ คนเดียวโจทก์จึงฟ้องขอให้ทำลายการโอนโฉนดระหว่างจำเลยที่ ๑ กับ ๒
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการโอนที่ดินส่วนที่โจทก์ซื้อไว้นั้นเปนไปโดยไม่สุจจริต เพราะจำเลยที่ ๒ ย่อมรู้ดีว่าโจทก์ได้ซื้อไว้อย่างไร การโอนนี้เปนทางให้โจทก์เสียเปรียบ เมื่อสัญญาระหว่างจำเลยที่ ๑ กับโจทก์เปนสัญญาซื้อขาย และโจทก์เปนผู้อยู่ในฐานะจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนตาม ม.๑๓๐๐ จึงพิพากษาให้ทำลายการโอนที่ดินส่วนของโจทก์เสีย
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาตัดสินว่าถึงแม้เรื่องนี้โจทก์จะไม่ได้ชำระราคาที่ดินทั้งหมดสัญญานี้ก็ยังเปนสัญญาซื้อขายเพราะจะถือว่าเมื่อผู้ซื้อยังไม่ได้ชำระราคาสัญญานั้นเปนแต่เพียงสัญญาจะซื้อขายก็คงจะไม่มีการซื้อเชื่อกัน เห็นพ้องด้วยศาลอุทธรณ์ว่าโจทก์อยู่ในฐานะจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนตาม ม.๑๓๐๐ ประมวลแพ่ง ๆ จึงพิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลยที่ ๒