คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 123/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยด่าโจทก์ว่า “โจทก์นิสัยไม่ดี คนโตไม่รู้จักโตพูดไม่อยู่กับร่อง กับรอยพูดหน้ามือเป็นหลังมือ เหมือนไม้หลักปักขี้เลนตอแหล เก่ง เป็นคนไม่ดี ไม่ใช่แม่กูและเชื่อถือไม่ได้”ถ้อยคำดังกล่าวแสดงถึงการไม่เคารพยำเกรงโจทก์ซึ่งเป็นมารดาเลี้ยง และเป็น การลบหลู่ บุญคุณอีกด้วย มิใช่เป็นเพียงคำกล่าวที่ไม่สุภาพหรือไม่สมควรเท่านั้น การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ เสียชื่อเสียงทั้งเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(2) แล้ว โจทก์จึงมีสิทธิถอนคืนการให้เพราะจำเลยประพฤติเนรคุณได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 63850ตำบลมาบแค อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม เนื้อที่ 1 งานราคา 50,000 บาท เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2537 โจทก์จดทะเบียนให้ที่ดินนั้นแก่จำเลยซึ่งเป็นบุตรเลี้ยง ต่อมาประมาณปลายปี 2537จำเลยได้พูดด่าเสียดสีและหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงว่า”โจทก์นิสัยไม่ดี คนโตไม่เป็นคนโต พูดไม่อยู่กับร่อง กับรอยพูดหน้ามือเป็นหลังมือเหมือนไม้หลักปักขี้เลน ตอแหลเก่ง”อันเป็นการประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 63850 ตำบลมาบแค อำเภอเมืองนครปฐมจังหวัดนครปฐม คืนให้แก่โจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามเดิมหากจำเลยไม่ไปจดทะเบียน ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์ไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา โดยไม่ระบุวันและเดือนซึ่งอ้างว่าจำเลยประพฤติเนรคุณจึงเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมและจำเลยไม่เคยพูดด่าเสียดสีหรือหมิ่นประมาทโจทก์ตามฟ้องเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ถอนคืนการให้และให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 63850 ตำบลมาบแคอำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม คืนให้แก่โจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ตามเดิม หากจำเลยไม่ไปจดทะเบียนโอนให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ว่า เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2537 โจทก์ได้จดทะเบียนโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 63850 ตำบลมาบแค อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ให้แก่จำเลยซึ่งเป็นบุตรเลี้ยงอันเกิดระหว่างสามีโจทก์กับนางบ๊วย นิ่มโพธิ์ทอง ตามสำเนาโฉนดที่ดินและโฉนดที่ดินเอกสารหมาย จ.1 และ ล.6 จำเลยได้ด่าว่าโจทก์ว่า “โจทก์นิสัยไม่ดี คนโตไม่รู้จักโตพูดไม่อยู่กับร่องกับรอย พูดหน้ามือเป็นหลังมือ เหมือนไม้หลักปักขี้เลนตอแหลเก่งเป็นคนไม่ดี ไม่ใช่แม่กู และเชื่อถือไม่ได้” ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่าถ้อยคำที่จำเลยด่าว่าโจทก์ดังกล่าวเป็นถ้อยคำที่หมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรง หรือทำให้เสียชื่อเสียงอันโจทก์จะถอนคืนการให้ได้หรือไม่ เห็นว่าถ้อยคำดังกล่าวที่จำเลยด่าว่าโจทก์นั้นแสดงถึงการไม่เคารพยำเกรงโจทก์ซึ่งเป็นมารดาเลี้ยง และเป็นการลบหลู่บุญคุณอีกด้วยมิใช่เป็นเพียงคำกล่าวที่ไม่สุภาพหรือไม่สมควรเท่านั้น การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงทั้งเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(2)แล้ว โจทก์จึงมีสิทธิถอนคืนการให้เพราะจำเลยประพฤติเนรคุณได้ตามบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าว ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามาชอบแล้วฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share