แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์กล่าวบรรยายฟ้องอ้างว่าข้อเท็จจริงพอที่จะให้เข้าใจได้ว่าจำเลยที่จะให้เข้าใจได้ว่าจำเลยทำการชิงทรัพย์ขอให้ลงโทษตาม ม.299และ ม.306 ดังนี้ เมื่อฟ้องโจทก์ไม่เป็นองค์ความผิดฐานฉ้อโกงแล้วการที่อ้างม.306เกินมาก็ไร้ผล แต่ในความผิดฐานชิงทรัพย์ตามฟ้องนั้นยังคงสมบูรณ์อยู่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ใช้อุบายหลอกลวงนายฮ้อยด้วยความเท็จและโดยเจตนาทุจริตเพื่อให้นายฮ้อยส่งธนบัตร ๓๘ บาทให้จำเลยแล้วจำเลยได้สมคบกันชิงเอาธนบัตร์นั้นไป ขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๙,๓๐๖
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ตามลักษณะการทำผิดที่โจทก์ฟ้องจำเลย ๆ จะกระทำผิดทั้งฉ้อโกงและชิงทรัพย์ในทรัพย์อันเดียวกันหาได้ไม่ ฟ้องโจทก์ไม่ถูก ตามกฎหมายจำเลยไม่สามารถเข้าใจข้อหาได้ดี ขัดกับวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๕๘ พิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์โดยวินิจฉัยว่าโจทก์บรรยายฟ้องเพื่อแสดงให้เห็นว่าจำเลยพยายามหลอกลวงก่อนแล้วจึงทำการชิงทรัพย์จะเข้าใจว่าโจทก์ฟ้องทั้งฉ้อโกลเและชิงทรัพย์ไม่ได้ เพราะฟ้องโจทก์มิได้กล่าวว่าเจ้าทรัพย์หลงเชื่อ ได้ส่งทรัพย์ให้จำเลยอันเป็นข้อสำคัญในความผิดฐานฉ้อโกง จริงอยู่โจทก์อ้างมาตรา ๓๐๖ มาด้วยแต่เมื่อฟ้องไม่เป็นองค์ความผิดฐานฉ้อโกงแล้ว แม้จะอ้างมาก็ไร้ผลให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป