แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ฟ้องว่าจำเลยร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายหลายนัดโดยเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288,80 มิได้บรรยายในข้อเข้าร่วมชุลมุนต่อสู้ ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป ไม่ทราบว่าใครยิงผู้เสียหาย ดังนี้ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญ ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 299 ไม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
ฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายหลายนัดโดยเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80, 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80, 83 จำคุก 10 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ …..ผู้เสียหายสมัครใจเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้กับพวกของจำเลยและพวกของนายแหลม อันเป็นการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป และผู้เสียหายถูกกระสุนปืนได้รับอันตรายสาหัสเนื่องจากการชุลมุนโดยไม่ทราบว่าใครเป็นคนยิงดังที่ผู้เสียหายกับพวกเบิกความไว้ในคดีลักษณะความผิดของจำเลยจึงมิใช่ฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหายดังฟ้อง แต่เป็นความผิดฐานเข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 299ข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามทางพิจารณาจึงแตกต่างจากข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญ และเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยเพราะมิได้บรรยายในข้อเข้าร่วมชุลมุลต่อสู้มาในฟ้องด้วย จึงไม่อาจลงโทษจำเลยได้ตามแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 2299/2518 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรีโจทก์ นายเชี่ยวเวทย์หรืออ๊อด อภัยสุวรรณ โจทก์ร่วม นายต๋องหรือชัยพร วโนภาษ กับพวกจำเลย………………..’
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์.