คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้ผู้ร้องกับ ป. จะได้จดทะเบียนสมรสกันในขณะที่ ป.มีคู่สมรสอยู่แล้วอันมีผลทำให้การสมรสระหว่างผู้ร้องกับ ป.เป็นโมฆะก็ตาม แต่เมื่อผู้ร้องได้หย่าขาดจาก ป. แล้ว การสมรสระหว่างผู้ร้องกับ ป. จึงได้สิ้นสุดลงด้วยการหย่าก่อนที่ผู้ร้องจะมาร้องขอในคดีนี้ การสมรสซ้อนระหว่างผู้ร้อง กับ ป. จึงไม่มีผลกระทบหรือโต้แย้งสิทธิของผู้ร้อง ทั้งตามคำร้อง ของ ผู้ร้องก็มิได้กล่าวแสดงว่าการจดทะเบียนสมรสซ้อนดังกล่าวเป็นเหตุให้มีผู้กระทำการใดอันเป็นการโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ร้องอันจะเป็นเหตุให้ผู้ร้องมีอำนาจมาร้องขอต่อศาลตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 55 ผู้ร้องจึงร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการจดทะเบียนสมรสระหว่างผู้ร้องกับ ป. เป็นโมฆะไม่ได้.

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2513 ผู้ร้องได้จดทะเบียนสมรสกับพันตรีปรีชา มีบุตรด้วยกัน 2 คน ต่อมาวันที่11 ตุลาคม 2528 ผู้ร้องกับพันตรีปรีชาได้จดทะเบียนหย่า ขณะที่ผู้ร้องกับพันตรีปรีชาจดทะเบียนสมรสพันตรีปรีชามีคู่สมรสอยู่แล้วโดยได้จดทะเบียนสมรสกับนางเสริมสุข เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม2507 การสมรสระหว่างผู้ร้องกับพันตรีปรีชาจึงเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้พิพากษาว่าการสมรสระหว่างผู้ร้องกับพันตรีปรีชาเป็นโมฆะ
ศาลชั้นต้นประกาศนัดไต่สวนแล้ว ไม่มีผู้ใดคัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า ข้อเท็จจริงได้ความตามที่ผู้ร้องนำสืบพยานฝ่ายเดียวว่า ผู้ร้องเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของพันตรีปรีชาปรากฏตามทะเบียนการสมรสเอกสารหมาย ร.1 ระหว่างสมรสมีบุตรด้วยกัน 2 คน เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2528 ผู้ร้องได้จดทะเบียนหย่ากับพันตรีปรีชา ปรากฏตามใบสำคัญการหย่าเอกสารหมาย ร.2 ภายหลังผู้ร้องทราบว่า ก่อนที่พันตรีปรีชาจะมาจดทะเบียนสมรสกับผู้ร้องได้เคยสมรสมาก่อนกับนางสาวเสริมสุข ปรากฏตามทะเบียนการสมรสเอกสารหมาย ร.3 มีปัญหาที่จะวินิจฉัยว่า ผู้ร้องจะร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการจดทะเบียนสมรสระหว่างผู้ร้องกับพันตรีปรีชาเป็นโมฆะได้หรือไม่แล้วศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า แม้ผู้ร้องกับพันตรีปรีชาได้จดทะเบียนสมรสกันในขณะที่พันตรีปรีชามีคู่สมรสอยู่แล้ว อันมีผลทำให้การสมรสระหว่างผู้ร้องกับพันตรีปรีชาเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1452, 1496 และแม้ตามมาตรา 1495 จะบัญญัติว่า คำพิพากษาศาลเท่านั้นจะแสดงว่าการสมรสใดเป็นโมฆะ แต่ตามมาตรา 1501 ก็ได้บัญญัติว่าการสมรสสิ้นสุดลงด้วยความตายการหย่าหรือศาลพิพากษาให้เพิกถอนซึ่งข้อเท็จจริงในคดีนี้ได้ความว่า การสมรสระหว่างผู้ร้องกับพันตรีปรีชาได้สิ้นสุดลงแล้วด้วยการหย่าก่อนที่ผู้ร้องจะมาร้องขอในคดีนี้ การสมรสซ้อนระหว่างผู้ร้องกับพันตรีปรีชาจึงไม่มีผลกระทบหรือโต้แย้งสิทธิของผู้ร้อง และตามคำร้องของผู้ร้องก็มิได้กล่าวแสดงว่าการจดทะเบียนสมรสซ้อนดังกล่าวเป็นเหตุให้มีผู้กระทำการใดอันเป็นการโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ร้อง อันจะเป็นเหตุให้ผู้ร้องมีอำนาจมาร้องขอต่อศาลตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ผู้ร้องจึงร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการจดทะเบียนสมรสระหว่างผู้ร้องกับพันตรีปรีชาเป็นโมฆะไม่ได้ ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share