คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1224/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 151470 มีอาญาเขต ทิศตะวันออกติดที่ดินโฉนดเลขที่ 181640 ของจำเลย ที่ดินของโจทก์แบ่งแยกมาจากที่ดินโฉนดที่ 4383 ซึ่งด้านทิศใต้ของที่ดินแปลงดังกล่าวติดคลองบางกรวยอันเป็นทางสาธารณะที่ดินของจำเลยด้านทิศตะวันออกติดทางสาธารณะ ปี 2536จำเลยจดทะเบียนภารจำยอมที่ดินของจำเลยด้านทิศใต้เป็นทางเดินกว้างประมาณ 3 เมตรตลอดแนว ออกสู่ทางสาธารณะ แก่ที่ดินโฉนดที่ 4383 และที่ดินโฉนดเลขที่ 135087 ที่ดินของโจทก์แบ่งแยกมาจากที่ดินโฉนดที่ 4383 ซึ่งอยู่ติดคลองบางกรวยอันเป็นทางสาธารณะอยู่แล้วแม้โจทก์จะมีความจำเป็นต้องเดินทางโดยใช้รถยนต์เป็นพาหนะไม่สะดวกที่จะเดินทางโดยทางเรือ แต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350 บัญญัติให้เจ้าของที่ดินแปลงที่แยกเรียกร้องเอาทางเดินไว้ เฉพาะบนที่ดินแปลงที่ได้แบ่งแยกกัน ดังนี้โจทก์จึงไม่มี อำนาจฟ้องให้จำเลยเปิดทางพิพาทเป็นทางออกสู่ทางสาธารณะได้อีก การที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า ที่ดินของโจทก์แบ่งแยกมาจากที่ดินโฉนดที่ 4383 ซึ่งอยู่ติดคลองบางกรวยอันเป็นทางสาธารณะ โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเอาทางเดินฝ่ายที่ดินแปลงดังกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยเพื่อเรียกร้องเอาทางเดินในที่ดินของจำเลย เป็นการวินิจฉัยเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วย ความสงบเรียบร้อยของประชาชน โดยวินิจฉัยจากเป็นข้อเท็จจริง ในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ แม้โจทก์จะมิได้ฟ้อง และจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้ ศาลก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)

ย่อยาว

โจทก์ขอให้บังคับจำเลยเปิดทางจำเป็นในที่ดินโฉนดเลขที่ 181640ตำบลบางไผ่น้อย อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี กว้างประมาณ3 เมตร ยาวประมาณ 8 เมตร และรื้อรั้วสังกะสีที่ปิดกั้นทางพิพาทและที่รุกล้ำที่ดินของโจทก์หากจำเลยไม่ปฏิบัติขอถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยให้การว่า ที่ดินของโจทก์มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้มิได้ถูกที่ดินแปลงอื่นหรือที่ดินของจำเลยล้อมอยู่จนไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ โจทก์ไม่เคยใช้ที่ดินของจำเลยผ่านสู่ทางสาธารณะนางกฤษณาไม่ได้ยินยอมให้โจทก์ใช้ทางออกสู่ทางสาธารณะ ที่ดินของจำเลยมีราคาตารางวาละ 25,000 บาท มีเนื้อที่เพียง 1 งาน 56 ตารางวา เป็นรูปสามเหลี่ยมชายธง ถ้าแบ่งเป็นทางจำเป็นแล้วจะไม่สามารถปลูกสร้างอาคารหรือใช้ประโยชน์ใด ๆ ได้ หากศาลบังคับให้จำเลยเปิดทางจำเป็นโจทก์ก็สมควรจ่ายค่าเสียหายส่วนนี้ให้จำเลยจำเลยสร้างรั้วสังกะสีในที่ดินของจำเลยมิได้รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนรั้วสังกะสีส่วนที่สร้างรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโฉนดเลขที่ 151470 เลขที่ดิน 3060 ตำบลบางไผ่ (บางไผ่น้อย) อำเภอเมืองนนทบุรี (ตลาดขวัญ) จังหวัดนนทบุรี ของโจทก์ ดังที่ปรากฏในแผนที่พิพาทเอกสารหมาย จ.18 คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 151470 ตำบลบางไผ่ (บางไผ่น้อย) อำเภอเมืองนนทบุรี (ตลาดขวัญ) จังหวัดนนทบุรี มีอาณาเขตทิศตะวันออกติดที่ดินโฉนดเลขที่ 181640 ตำบลบางไผ่น้อย อำเภอตลาดขวัญ จังหวัดนนทบุรี ของจำเลยทิศเหนือติดที่ดินโฉนดที่ 4393 ตำบลบางไผ่น้อย อำเภอตลาดขวัญจังหวัดนนทบุรี ของนายอภิรักษ์ ทองอ่อน ทิศใต้ติดที่ดินโฉนดที่ 4383 ตำบลบางไผ่น้อย อำเภอตลาดขวัญ จังหวัดนนทบุรี ของพันตรีสุคนธ์ เพิ่มพูน ทิศตะวันตกติดที่ดินของบุคคลอื่นอีกผู้หนึ่ง ที่ดินของโจทก์แบ่งแยกมาจากที่ดินโฉนดที่ 4383 ซึ่งด้านทิศใต้ของที่ดินแปลงดังกล่าวติดคลองบางกรวยอันเป็นทางสาธารณะ ที่ดินของจำเลยด้านทิศตะวันออกติดทางสาธารณะปี 2536 จำเลยจดทะเบียนภาระจำยอมที่ดินของจำเลยด้านทิศใต้เป็นทางเดินกว้างประมาณ 3 เมตร ตลอดแนว ออกสู่ทางสาธารณะแก่ที่ดินโฉนดที่ 4383 และที่ดินโฉนดเลขที่ 135087
ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาข้อกฎหมายของโจทก์มีเพียงข้อเดียวว่า ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า โจทก์ต้องขอทางออกสู่ทางสาธารณะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350 เป็นการวินิจฉัยเกินคำฟ้องและคำให้การเป็นการไม่ชอบหรือไม่ เห็นว่าที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า ที่ดินของโจทก์แบ่งแยกมาจากที่ดินโฉนดที่ 4383 ซึ่งอยู่ติดคลองบางกรวยอันเป็นทางสาธารณะโจทก์มีสิทธิเรียกร้องเอาทางเดินผ่านที่ดินแปลงดังกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350 ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยเพื่อเรียกร้องเอาทางเดินในที่ดินของจำเลยนั้น เป็นการวินิจฉัยเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน โดยวินิจฉัยจากข้อเท็จจริงตามสำเนาโฉนดที่ดินเอกสารหมาย จ.1 และ จ.7 ที่โจทก์อ้างมา ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ แม้โจทก์จะมิได้ฟ้องและจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้ ศาลก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) และเมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าที่ดินของโจทก์แบ่งแยกมาจากที่ดินโฉนดที่ 4383 ซึ่งอยู่ติดคลองบางกรวยอันเป็นทางสาธารณะอยู่แล้ว แม้โจทก์จะมีความจำเป็นต้องเดินทางโดยใช้รถยนต์เป็นพาหนะไม่สะดวกที่จะเดินทางโดยทางเรือแต่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350 บัญญัติให้เจ้าของที่ดินแปลงที่แบ่งแยกเรียกร้องเอาทางเดินได้เฉพาะบนที่ดินแปลงที่ได้แบ่งแยกกัน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องให้จำเลยเปิดทางพิพาทเป็นทางออกสู่ทางสาธารณะได้อีก
พิพากษายืน

Share