คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1224/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า บริษัทโจทก์ที่ 1 เป็นนิติบุคคลโจทก์ที่ 2 มีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญกระทำการแทนโจทก์ที่ 1 จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันลักใบตราส่งของโจทก์ที่ 1 เพื่อนำไปรับสินค้าที่มากับเรือแล้วปลอมแปลงเอกสารสิทธิต่าง ๆ ของโจทก์ทั้งสอง โดยแก้ชื่อผู้รับสินค้าจากโจทก์ที่ 1 เป็นจำเลยที่ 1 อันเป็นความเท็จแล้วแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทยและเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรเป็นเหตุให้จำเลยทั้งสองได้ไปซึ่ง สินค้าดังกล่าวของโจทก์ทั้งสอง เป็นคำฟ้องที่ฟังได้ว่าผู้รับสินค้าตามใบตราส่งคือโจทก์ที่ 1 แต่ผู้เดียวโจทก์ที่ 2 มิใช่เจ้าของสินค้าตามใบตราส่งหรือร่วมเป็นเจ้าของสินค้าตามใบตราส่ง ทั้งโจทก์ที่ 2 ฟ้องในฐานะผู้แทนของโจทก์ที่ 1 มิใช่ฟ้องในฐานะส่วนตัว เมื่อโจทก์ที่ 1ถอนฟ้องคดีนี้แล้ว โจทก์ที่ 2 จึงไม่ใช่เป็นผู้ที่ได้รับ ความเสียหายจากการกระทำความผิดอาญาฐานใดฐานหนึ่งตามคำฟ้องที่จะถือได้ว่าโจทก์ที่ 2 เป็นผู้เสียหายในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสอง

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 เป็นนิติบุคคลจดทะเบียนตามกฎหมายประเภทบริษัทจำกัด โจทก์ที่ 2 มีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตรากระทำการแทนโจทก์ที่ 1 จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลจดทะเบียนประเภทบริษัทจำกัด มีจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการผู้จัดการมีอำนาจลงลายมือชื่อร่วมกับกรรมการอื่นและประทับตรากระทำการแทนจำเลยที่ 1 นอกจากนี้ยังเป็นผู้จัดการทั่วไป และผู้รับมอบอำนาจของโจทก์ที่ 1 ด้วยระหว่างวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2534 ถึงวันที่ 5 มิถุนายน 2534 จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันลักหรือใช้ จ้าง วานผู้อื่นลักลอบเอาใบตราส่งสินค้าเลขที่ KKLU 325105385ของโจทก์ที่ 1 ซึ่งอยู่ในความครอบครองของโจทก์ทั้งสองไปโดยทุจริตเพื่อนำไปรับสินค้าที่มากับเรือรีพัลส์ เบย์ วี.บี 34เที่ยววันที่ 3 มกราคม 2534 แล้วเบียดบังเอาสินค้าเป็นของตนโดยทุจริต ในการรับสินค้าดังกล่าว จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันปลอมใบตราส่งสินค้า คำร้องขอแก้ไขบัญชีสินค้า หนังสือโอนกรรมสิทธิ์สินค้า ใบกำกับสินค้า ใบรายการบรรจุหีบห่อ และใบขนสินค้าขาเข้ากับแบบแสดงรายการสินค้า หลังจากนั้นจำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกันนำใบตราส่งสินค้าและคำร้องขอแก้ไขบัญชีสินค้าที่ปลอมขึ้นมาไปหลอกลวงบริษัทคาวาซากิไทย จำกัด ตัวแทนผู้ขนส่งสินค้าให้มอบใบปล่อยสินค้าแก่จำเลยทั้งสองกับพวกและแก้ชื่อผู้รับตราส่งสินค้ากับแก้ชื่อคู่สัญญาตามใบตราส่งสินค้าจากชื่อโจทก์ที่ 1เป็นชื่อจำเลยที่ 1 แทน ต่อมาจำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกันหรือใช้ จ้างวานผู้อื่นแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทยและเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร โดยแสดงใบปล่อยสินค้าและเอกสารต่าง ๆ ที่ทำปลอมขึ้นดังกล่าวเพื่อขอรับสินค้าจากเจ้าพนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทยและเพื่อให้เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรยินยอมให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้ผ่านพิธีการศุลกากรและชำระภาษีอากรในนามของจำเลยที่ 1 ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์สินค้า และเป็นผู้นำเข้าสินค้าดังกล่าว เจ้าพนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทยและเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรหลงเชื่อจึงมอบสินค้าให้แก่จำเลยทั้งสองกับพวกและยอมให้จำเลยที่ 1เป็นผู้ผ่านพิธีการศุลกากรดังกล่าวได้ การกระทำของจำเลยทั้งสองกับพวกเป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสองผู้ถือหุ้นของโจทก์ที่ 1บริษัทคาวาซากิไทย จำกัด กรมศุลกากรและผู้อื่นเสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 335(7)(11), 188,264, 265, 268, 137, 83, 90, 91 พระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ. 2469 มาตรา 99 พระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทยพ.ศ. 2494 มาตรา 16
ระหว่างไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์ที่ 1 โดย นายสุชัย จิตต์กุศลและนางสาวลัดดาวัลย์ จิตต์กุศล กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ที่ 1 ซึ่งได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงใหม่ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยทั้งสองและขอถอนนายศักดิ์ เวชประสิทธิ์นายคเณศ เขมฤกษ์อำพล ออกจากการเป็นทนายความของโจทก์ที่ 1ศาลชั้นต้นอนุญาตตามขอ และให้จำหน่ายคดีสำหรับโจทก์ที่ 1ออกจากสารบบความ ส่วนคดีสำหรับโจทก์ที่ 2 ศาลชั้นต้นงดไต่สวนมูลฟ้องแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ที่ 2 มิใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ที่ 2 อุทธรณ์
โจทก์ทั้งสอง นายศักดิ์ เวชประสิทธิ์ และนายคเณศ เขมฤกษ์อำพลอุทธรณ์คำสั่งที่อนุญาตให้ถอนฟ้องและถอนทนายความโจทก์ที่ 1
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ที่ 2 ฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกา
โจทก์ทั้งสอง นายศักดิ์ เวชประสิทธิ์ และนายคเณศเขมฤกษ์อำพล ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า ฎีกาของโจทก์ที่ 2 ฉบับลงวันที่25 มีนาคม 2537 ซึ่งโจทก์ที่ 2 ได้รับอนุญาตให้ฎีกาได้นั้นโจทก์ทั้งสองบรรยายคำฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 เป็นนิติบุคคล โจทก์ที่ 2มีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญกระทำการแทนโจทก์ที่ 1จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันลักใบตราส่งเลขที่เคเคแอลยู 325105385ของโจทก์ที่ 1 เพื่อนำไปรับสินค้าที่มากับเรือรีพัลส์ เบย์ วี.บี 34 เที่ยววันที่ 3 มกราคม 2534แล้วปลอมแปลงเอกสารสิทธิต่าง ๆ ของโจทก์ทั้งสองโดยแก้ชื่อผู้รับสินค้าจากโจทก์ที่ 1 เป็นจำเลยที่ 1 อันเป็นความเท็จแล้วแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทยและเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรเป็นเหตุให้จำเลยทั้งสองได้ไปซึ่งสินค้าดังกล่าวของโจทก์ทั้งสอง การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสองเสียหาย เป็นคำฟ้องที่ฟังได้ว่าผู้รับสินค้าตามใบตราส่งคือโจทก์ที่ 1 แต่ผู้เดียว โจทก์ที่ 2มิใช่เจ้าของสินค้าตามใบตราส่งหรือร่วมกันเป็นเจ้าของสินค้าตามใบตราส่งแต่อย่างใด ทั้งโจทก์ที่ 2 ฟ้องในฐานะผู้แทนของโจทก์ที่ 1 มิใช่ฟ้องในฐานะส่วนตัว เมื่อโจทก์ที่ 1 ถอนฟ้องคดีนี้แล้ว โจทก์ที่ 2 จึงไม่ใช่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิดอาญาฐานใดฐานหนึ่งตามคำฟ้องที่จะถือได้ว่าโจทก์ที่ 2เป็นผู้เสียหายในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาโจทก์ที่ 2 ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสอง ฎีกาโจทก์ที่ 2 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน สำหรับโจทก์ที่ 2 และยกฎีกาของโจทก์ทั้งสองนายศักดิ์ เวชประสิทธิ์ และนายคเณศ เขมฤกษ์อำพล

Share