แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยได้หมั้นโจทก์และกำหนดจะแต่งงานกันหลังจากโจทก์ไว้ทุกข์ให้บิดาโจทก์แล้ว 3 ปี ระหว่างนั้นโจทก์ตั้งครรภ์กับจำเลยจำเลยแนะนำให้ทำแท้งเมื่อโจทก์ทำแท้งแล้วเกิดป่วยหนัก จำเลยกลับหลบหน้าไปแต่งงานกับหญิงอื่น โจทก์ได้รับความเสียหายทางร่างกาย ชื่อเสียง และต้องเจ็บป่วยเสียเงินค่ารักษาโดยจำเลยมิได้สนใจเมื่อหายป่วยแล้ว ผู้ที่ทราบเรื่องไม่มีผู้ใดประสงค์จะแต่งงานกับโจทก์อีกจำเลยจึงต้องใช้ค่าทดแทนความเสียหายดังกล่าวส่วนของหมั้นอันมีราคาเพียงเล็กน้อยนั้นย่อมตกเป็นสิทธิแก่โจทก์ผู้เสียหายอยู่แล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1439 วรรคท้ายจำเลยจะอ้างว่าโจทก์ได้ของหมั้นเป็นการเพียงพอแล้วหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อปี พ.ศ. 2511 จำเลยได้หมั้นโจทก์ด้วยแหวนเพชร 1 วงราคา 3,800 บาท และเงินสด 400 บาท กำหนดจะทำการสมรสกันใน พ.ศ. 2514หลังจากหมั้นแล้ว จำเลยปลุกปล้ำขืนใจโจทก์จนเสียความบริสุทธิ์ ต่อมาได้เกิดตั้งครรภ์ จำเลยได้หายาให้โจทก์กินเพื่อให้แท้งลูก จนโจทก์มีอาการเจ็บป่วยหนักจำเลยกลับหลบหน้าไปไม่ไปมาหาสู่โจทก์อีก และกลับไปแต่งงานกับหญิงอื่นจำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาหมั้น ทำให้โจทก์เสียหายต่อร่างกายและเสียชื่อเสียงโจทก์ไม่สามารถจะทำการสมรสกับชายอื่นได้ ขอเรียกค่าทดแทนความเสียหายเป็นจำนวนเงิน 40,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์เสียความบริสุทธิ์แก่จำเลยด้วยความสมัครใจก่อนทำการหมั้น โจทก์ไม่ควรได้รับค่าเสียหายแก่ร่างกายและชื่อเสียง เพราะโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาหมั้นและบอกเลิกสัญญาหมั้นกับจำเลยเอง การแท้งลูกก็เกิดจากการกระทำของฝ่ายโจทก์โดยจำเลยไม่ยินยอมให้กระทำ โจทก์เรียกร้องค่าเสียหายสูงเกินสมควร คดีโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 40,000 บาทให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำเลยใช้ค่าทดแทน 20,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยหมั้นโจทก์ด้วยแหวนเพชร 1 วง เงินสด400 บาท ส้ม 24 ผล ขนมจันอับ 2 ห่อ หลังจากหมั้นแล้ว โจทก์ได้ตั้งครรภ์กับจำเลยและได้ทำแท้ง จำเลยไม่ให้เงินค่ารักษาและต่อมาจำเลยได้แต่งงานกับนางสาวสุนีย์ ทรัพย์แก้ว จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาหมั้น คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความฟ้องร้อง ที่โจทก์ฎีกาว่าโจทก์เป็นฝ่ายเสียหายทางร่างกาย ชื่อเสียงและต้องเจ็บป่วย เสียเงินค่ารักษาโดยจำเลยมิได้สนใจ เมื่อหายป่วยแล้ว ผู้ที่ทราบเรื่องไม่มีผู้ใดประสงค์จะแต่งงานด้วย เช่น รายนายสิทธิชัย ไพรพนมเวสม์ สมควรจะได้ค่าทดแทนเต็มตามฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์เป็นฝ่ายเสียหายและนำสืบได้ตามฟ้อง สมควรคิดค่าทดแทนให้ตามฟ้อง ที่จำเลยแก้ฎีกาว่าโจทก์ได้แหวนเพชร 1 วงราคา 4,200 บาท และเงินสด 400 บาท เป็นของหมั้นเป็นการเพียงพอแล้วนั้น เห็นว่า ของหมั้นดังกล่าวมีราคาเพียงเล็กน้อย ย่อมตกเป็นสิทธิแก่โจทก์ผู้เสียหายอยู่แล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1439 วรรคท้าย คำแก้ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้ ให้จำเลยชำระเงิน 40,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์