คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1223/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยที่ 2 ในฐานะตัวแทนจำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือกู้เงินจำนวนหนึ่งให้โจทก์ยึดไว้เป็นสำคัญ โจทก์ได้แนบสำเนาหนังสือกู้นี้มาพร้อมกับฟ้องด้วย เมื่อหนังสือกู้นั้นมีความชัดเจนว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้กู้ในนามของตนคนเดียว ไม่ปรากฏว่าทำในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 ทั้งจำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้ยกเรื่องตัวการตัวแทนขึ้นโต้แย้งประการใด ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดตามสัญญากู้ ดังสำเนาท้ายฟ้องนั่นเอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาถือว่าเอกสารที่แนบมาท้ายฟ้องนั้นเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ซื้อข้าวสารในท้องที่อำเภอปากพนังและขนย้ายหรือยักย้ายไปยังท้องที่อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จำนวน 100 กระสอบ ตามใบอนุญาตของข้าหลวงประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ ซ.148/2489 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2489 แล้วจำเลยที่ 1 มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนซื้อข้าวสารตามใบอนุญาตนั้น และให้มีอำนาจขนย้ายหรือยักย้ายได้ด้วย เมื่อระหว่างวันที่ 18 ถึง 22 พฤศจิกายน 2489 จำเลยที่ 2 ได้ซื้อข้าวสาร 30 เปอร์เซ็นต์ ของโจทก์ 100 กระสอบตามใบอนุญาตนั้น และจ้างโจทก์ขนส่งถึงท่าเรือยนต์วัดโคกข่อยตำบลปากนคร อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช รวมราคาข้าวสารและค่าส่งเป็นเงิน 16,500 บาท โจทก์ตกลงขายและทำการส่งมอบให้จำเลยที่ 2 เสร็จแล้ว แต่จำเลยไม่มีเงินสดชำระให้โจทก์ จึงเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2489 จำเลยที่ 2 ในฐานะตัวแทนจำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือสัญญากู้เงิน 16,500 บาท ให้โจทก์ยึดถือไว้กำหนดชำระภายในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2490 จำเลยผ่อนชำระให้โจทก์แล้ว 3 ครั้ง เป็นเงิน 8,656 บาท คงค้างอยู่อีก 7,844 บาท พ้นกำหนดชำระเงินตามสัญญาแล้ว โจทก์ทวงเตือนหลายคราว สิ้นค่าใช้จ่ายในการทวงเตือนไป 200 บาท ซึ่งจำเลยต้องรับผิดตามสัญญาด้วย และคิดค่าดอกเบี้ยที่ค้างจนถึงวันฟ้อง 220 บาท

ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือแสดงว่าจำเลยที่ 1 มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 จัดการซื้อข้าวสารแทน เพียงแต่จำเลยที่ 2 นำใบอนุญาตซื้อและขนย้ายข้าวของจำเลยที่ 1 มาจัดซื้อจากโจทก์เท่านั้น นิติกรรมที่จำเลยที่ 2 ทำแก่โจทก์ เป็นหนี้ค่าข้าวและค่าขนส่ง ได้แปลงเป็นหนี้เงินกู้ ซึ่งการเป็นตัวแทนต้องมีหนังสือเป็นหลักฐานเช่นเดียวกัน เมื่อโจทก์ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือของจำเลยที่ 1 มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 หาต้องรับผิดชอบต่อโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 2 ไม่ จึงพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญา

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า แม้โจทก์จะกล่าวในฟ้องว่า ” ฯลฯ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2489 จำเลยที่ 2 ในฐานะตัวแทนจำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือกู้เงินจำนวนนั้นให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นสำคัญ ฯลฯ” อันต้องแปลฟ้องของโจทก์ว่า โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งโดยปกติจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิด เพราะจำเลยที่ 2เป็นเพียงตัวแทนก็ดี แต่โจทก์ก็ได้แนบสำเนาหนังสือกู้ดังกล่าวนี้มาพร้อมกับฟ้องซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งถือว่า เป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง หนังสือกู้นี้มีข้อความชัดเจนว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้กู้ในนามของตนคนเดียว รวมความว่าโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดตามสัญญากู้ดังสำเนาท้ายฟ้องนั่นเองตามคำให้การของจำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้ยกเรื่องตัวการตัวแทนขึ้นโต้แย้งประการใด เมื่อตามหลักฐานพยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยที่ 2 ก็จำต้องรับผิดตามหนังสือกู้ที่ตนทำไว้ดังที่ศาลล่างทั้ง 2 ชี้ขาดมาข้อที่โจทก์กล่าวมาในฟ้องว่า ได้ซื้อขายและขนย้ายข้าวสารกัน จึงเกิดหนังสือกู้ขึ้นนั้น เป็นแต่เพียงบรรยายถึงมูลที่มาแห่งการกู้หนี้ยืมสิน กฎหมายไม่ได้ห้ามไม่ให้ซื้อขายและขนย้ายข้าวสารเป็นแต่บังคับว่า ต้องได้รับอนุญาตเสียก่อน คดีนี้ได้ซื้อขายและขนย้ายข้าวสารโดยมีหนังสืออนุญาตถูกต้องแล้ว หาต้องห้ามตามกฎหมายขัดขวางความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนแต่ประการใดไม่

จึงพิพากษายืน

Share