แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำให้การจำเลยเพราะพ้นกำหนด 8 วัน แม้จะเป็นการสั่งไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ซึ่งจำเลยอาจอุทธรณ์ได้ทันทีตามมาตรา 228 ข้อ (3) แต่จำเลยมิได้อุทธรณ์ จำเลยกลับใช้สิทธิตามมาตรา 199 ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การใหม่ ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต ดังนี้ คำสั่งศาลชั้นต้นในครั้งหลังนี้เป็นคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การของจำเลย มิใช่คำสั่งไม่รับคำให้การหรือคำสั่งอันเกี่ยวกับคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างพิจารณาจึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 ซึ่งจำเลยอุทธรณ์ทันทีไม่ได้
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดเป็นเงิน ๑๗,๒๓๐ บาทจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ต่อมาวันเดียวกับวันที่ศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยยื่นคำให้การเมื่อครบ ๘ วันแล้ว และศาลสั่งขาดนัดแล้วจึงไม่รับคำให้การ จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำสั่งศาลชั้นต้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ยกอุทธรณ์จำเลย
จำเลยฎีกาว่า คำสั่งศาลชั้นต้นไม่ใช่คำสั่งระหว่างพิจารณา เพราะเป็นการสั่งไม่รับคำให้การ
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำให้การของจำเลยซึ่งยื่นเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๐๙ เพราะพ้นกำหนด ๘ วันนั้น แม้จะเป็นการสั่งไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๘ ซึ่งจำเลยอาจยื่นอุทธรณ์
ได้ทันทีตามมาตรา ๒๘๘ ข้อ ๓ แต่จำเลยก็มิได้ยื่นอุทธรณ์ กลับใช้สิทธิตามมาตรา ๑๙๙ ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การใหม่ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งไม่อนุญาต เพราะเห็นว่าการขาดนัดเป็นไปโดยจงใจและไม่มีเหตุสมควร ศาลฎีกาเห็นว่าคำสั่งศาลชั้นต้นในครั้งหลังนี้เป็นคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การของจำเลย มิใช่คำสั่งไม่รับคำให้การหรือคำสั่งอันเกี่ยวกับคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างพิจารณาดังจำเลยฎีกาโต้เถียง ฉะนั้นจึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๖ ซึ่งจำเลยจะอุทธรณ์ทันทีมิได้
พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฎีกาจำเลย โจทก์ไม่แก้ฎีกา.