คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1220/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยรับโพยสลากกินรวบจากผู้เล่นไปส่งให้ น. แล้ว น.นำไปส่งให้โจทก์อีกต่อหนึ่ง การที่จำเลยไม่ได้นำเงินส่วนให้และโจทก์ให้จำเลยทำสัญญากู้ไว้ เป็นสัญญากู้ที่มีมูลหนี้เกิดจากการพนันสลากกินรวบ ไม่ก่อให้เกิดหนี้อันจะเรียกร้องกันได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กู้ยืมเงินจากโจทก์จำนวน 236,000 บาทตกลงคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 1.25 บาทต่อเดือน จำเลยไม่ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยซึ่งดอกเบี้ยค้างถึงวันฟ้องเป็นเงิน 36,088.33บาท เมื่อรวมกันต้นเงินเป็นเงินทั้งสิ้น 272,088.33 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 272,088.33 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 1.25 บาทต่อเดือนในเงินต้น 236,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้ หนี้ตามสัญญากู้ไม่สมบูรณ์และไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยจำเลยเป็นคนเดินโพยสลากกินรวบให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้ามือ และในงวดวันที่ 1 กุมภาพันธ์2531 มีผู้ซื้อสลากกินรวบกับจำเลยเป็นเงิน 236,000 บาท แต่จำเลยเก็บเงินจากผู้ซื้อได้เพียงจำนวน 5,000 บาท ซึ่งได้มอบให้โจทก์แล้ว โจทก์กลัวว่าจำเลยจะไม่ชำระเงินส่วนที่เหลือ จึงให้จำเลยทำสัญญากู้ตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามข้อนำสืบของจำเลย จำเลยรับโพยสลากกินรวบจากผู้เล่นไปส่งให้นางนวลจันทร์ แล้วนางนวลจันทร์จะนำไปส่งแก่เจ้ามืออีกต่อหนึ่ง ซึ่งโดยพฤติการณ์แม้จำเลยจะมีหน้าที่ต้องส่งเงินแก่นางนวลจันทร์ แล้วนางนวลจันทร์จึงนำเงินไปส่งแก่เจ้ามือโดยเจ้ามือไม่ประสงค์ให้จำเลยรู้จักเจ้ามือเพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ก็ตาม แต่เมื่อปรากฏว่าผู้เล่นแทงไม่ถูกและจำเลยไม่ได้นำเงินส่งแก่นางนวลจันทร์ทั้งเป็นจำนวนเงินมากถึง 236,000 บาท จึงมีเหตุที่ นางนวลจันทร์จะพาจำเลยไปพบโจทก์เพื่อตกลงในเรื่องนี้ และโจทก์ให้จำเลยทำสัญญากู้ไว้ตามที่จำเลยนำสืบ…เห็นว่า พยานหลักฐานของจำเลยมีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานของโจทก์ เชื่อว่า หนี้ตามสัญญากู้มีมูลหนี้เกิดจากการพนันสลากกินรวบ จึงไม่ก่อให้เกิดหนี้อันจะเรียกร้องได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 853, 854จำเลยไม่ต้องรับผิดตามสัญญากู้
พิพากษายืน

Share