คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1220/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความประสงค์ที่จัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชนขึ้น ก็เพื่อสวัสดิภาพของเด็กและเยาวชนจึงมีบทบัญญัติว่าด้วยการสอบสวนการพิจารณาและพิพากษาคดีไว้เป็นพิเศษผิดกับคดีธรรมดา ฉะนั้นแม้ขณะจำเลยทำผิด จำเลยจะมีอายุยังไม่ครบ 18 ปี บริบูรณ์ก็ตามแต่ขณะยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลนั้นอายุของจำเลยเกินกว่า 18 ปี บริบูรณ์แล้ว ดังนี้ ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางก็ไม่มีอำนาจจะพิจารณาพิพากษาคดีเช่นนี้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจร จำเลยรับสารภาพ
ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางเห็นว่า อายุของจำเลยนับถึงวันทำผิดยังไม่ถึง ๑๘ ปีบริบูรณ์ แต่ถ้านับถึงวันฟ้องเกิน ๑๘ ปีบริบูรณ์แล้ว จำเลยจึงมิใช่เด็กหรือเยาวชนที่ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางจะพิจารณาพิพากษาได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ความประสงค์ที่จัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชนก็เพื่อสวัสดิภาพของเด็กและเยาวชน จึงมีบทบัญญัติว่าด้วยการสอบสวน การพิจารณาและพิพากษาคดี การอบรมไว้เป็นพิเศษผิดกับคดีธรรมดา ซึ่งแต่ละอย่างล้วนเป็นวิธีการที่จะปรับปรุงจิตใจของเด็กและเยาวชนให้ละความชั่วกลับประพฤติดี ส่วนเรื่องการฟ้องคดี มาตรา ๘ วรรค ๑ แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ.๒๔๙๔ ให้อำนาจศาลคดีเด็กและเยาวชนพิจารณาพิพากษาคดีอาญาเฉพาะที่มีข้อหาว่า เด็กหรือเยาวชนทำผิดเท่านั้น ถ้ามีข้อหาแก่บุคคลอายุตั้งแต่ ๑๘ ปีขึ้นไป แต่ยังไม่เกินกว่า ๒๐ ปีแล้ว ศาลคดีเด็กและเยาวชนจะมีอำนาจพิจารณาและพิพากษาคดีได้ต่อเมื่อได้รับโอนจากศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีธรรมดา ฉะนั้นศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางจึงไม่มีอำนาจจะพิจารณาและพิพากษาคดีนี้ได้
พิพากษายืน

Share