คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1217/2558

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสามเป็นเจ้าของที่ดินพิพาททั้งห้าแปลงซึ่งตกอยู่ในภาระจำยอมในเรื่องสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะแก่ที่ดินของโจทก์ทั้งสามสิบโดยผลของกฎหมายตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 286 ข้อ 30 วรรคหนึ่ง ซึ่งไม่มีกฎหมายใดห้ามการจดทะเบียนภาระจำยอมตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าว การที่โจทก์ทั้งสามสิบฟ้องบังคับให้จำเลยทั้งสามจดทะเบียนภาระจำยอมเป็นการอันจำเป็นเพื่อรักษาและใช้ภาระจำยอมอย่างหนึ่งตาม ป.พ.พ. มาตรา 1391 โจทก์ทั้งสามสิบย่อมมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะใช้สิทธิทางศาลฟ้องบังคับจำเลยทั้งสามให้จดทะเบียนภาระจำยอมดังกล่าวได้ โจทก์ทั้งสามสิบจึงมีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสามสิบฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้พิพากษาให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 9052, 209041, 147541, 2202 และ 207005 ตำบลบางจาก อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร เป็นภาระจำยอมในเรื่องสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะ เช่น ระบบประปา ไฟฟ้า ท่อระบายน้ำ ถนนกว้างประมาณ 6.8 เมตร ยาวประมาณ 160 เมตร และที่ตั้งศาลพระภูมิเจ้าที่ประจำหมู่บ้านแก่ที่ดินของโจทก์ทั้งสามสิบตามโฉนดที่ดินเลขที่ 251402, 83477, 83478, 197225, 192115, 207010, 207004, 209038, 209037, 209036, 147540, 147539, 147538, 147537, 147535, 147536, 147534, 250809, 226931, 207146, 209042, 207147, 192118, 207123, 207124, 207125, 207126, 192116, 221219, 197224, 203591, 203590, 201469 และ 201468 ตำบลบางจาก อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร และให้จำเลยทั้งสามจดทะเบียนเป็นภาระจำยอมสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะต่อเจ้าพนักงานที่ดิน หากจำเลยทั้งสามไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสาม ให้โจทก์ทั้งสามสิบเป็นผู้จัดสร้างศาลพระภูมิเจ้าที่ประจำหมู่บ้านขึ้นใหม่ ให้มีขนาดเท่ากับของเดิม ณ สถานที่ตั้งเดิม โดยให้จำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันชดใช้ค่าจัดสร้างในราคาเบื้องต้นประมาณ 80,000 บาท ห้ามจำเลยทั้งสามก่อสร้างอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใด ๆ หรือกระทำการใด ๆ อันเป็นเหตุให้ภาระจำยอมในที่ดินโฉนดเลขที่ 9052, 209041, 147541, 2202 และ 207005 ตำบลบางจาก อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ 252 ตารางวา ลดไปหรือเสื่อมความสะดวก ให้จำเลยที่ 3 รื้อรั้วแมททัลชีทที่สร้างเป็นแนวเขตก่อสร้างปิดกั้นอยู่บนถนนสาธารณะออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 207005 ตำบลบางจาก อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร หากจำเลยที่ 3 ไม่ปฏิบัติตามให้โจทก์ทั้งสามสิบรื้อถอนเองได้โดยให้จำเลยที่ 3 เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
จำเลยทั้งสามให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โฉนดที่ดิน (ที่ถูก ที่ดินโฉนด) เลขที่ 9052, 209041, 147541, 2202, และ 207005 ตำบลบางจาก อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร เป็นภาระจำยอมในเรื่องสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะโดยมีถนนกว้างประมาณ 6.8 เมตร ยาวประมาณ 160 เมตร รูปตัวทีและที่ตั้งศาลพระภูมิเจ้าที่ประจำหมู่บ้านตามแผนที่พิพาท แก่ที่ดินของโจทก์ทั้งสามสิบตามโฉนดที่ดินเลขที่ 251402, 83477, 83478, 197225, 192115, 207010, 207004, 209038, 209037, 209036, 147540, 147539, 147538, 147537, 147535, 147536, 147534, 250809, 226931, 207146, 209042, 207147, 192118, 207123, 207124, 207125, 207126, 192116, 221219, 197224, 203591, 203590, 201469 และ 201468 ตำบลบางจาก อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร โดยให้จำเลยทั้งสามไปจดทะเบียนให้เป็นภาระจำยอมสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะต่อเจ้าพนักงานที่ดิน หากจำเลยทั้งสามไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสาม ให้โจทก์ทั้งสามสิบเป็นผู้ดำเนินการจัดสร้างศาลพระภูมิเจ้าที่ประจำหมู่บ้านขึ้นใหม่ให้มีขนาดเท่ากับของเดิม ณ สถานที่ตั้งเดิม โดยให้จำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันชดใช้ค่าจัดสร้างในราคา 43,608 บาท ห้ามจำเลยทั้งสามก่อสร้างอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างใด ๆ หรือกระทำการใด ๆ อันเป็นเหตุให้ภาระจำยอมในที่ดินโฉนดเลขที่ 9052, 209041, 147541, 2202 และ 207005 ตำบลบางจาก อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ 252 ตารางวา ลดไปหรือเสื่อมความสะดวก และให้จำเลยที่ 3 รื้อรั้วแมททัลชีท (สังกะสี) ที่สร้างเป็นแนวเขตก่อสร้างปิดกั้นอยู่บนถนนสาธารณะออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 207005 ตำบลบางจาก อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร กับให้จำเลยทั้งสามใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสามสิบ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 10,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 10,000 บาท แทนโจทก์ทั้งสามสิบ
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้แย้งกันในชั้นฎีการับฟังเป็นยุติว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 9052, 209041 และ 147541 จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 2202 ส่วนจำเลยที่ 3 เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 207005 ที่ดินทั้งห้าแปลงดังกล่าวตั้งอยู่ที่ตำบลบางจาก อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร เมื่อปี 2527 ถึง 2530 จำเลยที่ 1 นายมนัส นายประหยัด และห้างหุ้นส่วนจำกัด แซมบิโก้ คอมเมอร์เชียล ร่วมกันนำที่ดินโฉนดเลขที่ 2202, 9052 และ 83479 มาจัดรูปที่ดินขึ้นใหม่แล้วแบ่งเป็นแปลงย่อยติดต่อกันรวม 56 แปลง เพื่อจำหน่ายให้แก่ประชาชนทั่วไปชื่อโครงการหมู่บ้านศิริพจน์นิเวศน์ ในโครงการมีถนนในหมู่บ้านลักษณะรูปตัวทีซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินทั้งห้าแปลงของจำเลยทั้งสาม มีความกว้างประมาณ 6.8 เมตร ยาวประมาณ 160 เมตร กับมีระบบประปา ไฟฟ้า และท่อระบายน้ำอันเป็นสาธารณูปโภคซึ่งตกเป็นภาระจำยอมเพื่อประโยชน์แก่การจัดสรรที่ดินของโจทก์ทั้งสามสิบ นอกจากนี้ทางด้านทิศตะวันออกส่วนปลายสุดของถนนยังมีศาลพระภูมิเจ้าที่ซึ่งพิพาทกันในคดีนี้ปลูกสร้างไว้ โจทก์ทั้งสามสิบเป็นเจ้าของที่ดินพร้อมบ้านในโครงการศิริพจน์นิเวศน์ ต่อมาจำเลยที่ 3 จะสร้างบ้านลงบนที่ดินโฉนดเลขที่ 207005 และ 192117 จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 จึงสั่งให้ทุบรื้อถอนศาลพระภูมิเจ้าที่และกั้นรั้วแมททัลชีทปิดกั้นถนนตามแผนที่พิพาท
คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามในข้อแรกว่า โจทก์ทั้งสามสิบมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสามให้จดทะเบียนภาระจำยอมในที่ดินพิพาททั้งห้าแปลงเรื่องระบบประปา ไฟฟ้า ท่อระบายน้ำ และถนนภายในหมู่บ้านหรือไม่ จำเลยทั้งสามฎีกาว่า ตามคำฟ้องของโจทก์ทั้งสามสิบไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสามได้ขัดขวางหรือปิดกั้นการใช้ภาระจำยอมในเรื่องระบบประปา ไฟฟ้า ท่อระบายน้ำ และถนนภายในหมู่บ้าน จึงไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ทั้งสามสิบ โจทก์ทั้งสามสิบจึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสามให้จดทะเบียนภาระจำยอมในเรื่องดังกล่าวนั้น เห็นว่า จำเลยทั้งสามเป็นเจ้าของที่ดินพิพาททั้งห้าแปลงซึ่งตกอยู่ในภาระจำยอมในเรื่องสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะแก่ที่ดินของโจทก์ทั้งสามสิบโดยผลของกฎหมายตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 286 ข้อ 30 วรรคหนึ่ง ซึ่งไม่มีกฎหมายใดห้ามการจดทะเบียนภาระจำยอมตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าว ทั้งการที่โจทก์ทั้งสามสิบฟ้องบังคับให้จำเลยทั้งสามจดทะเบียนภาระจำยอมเป็นการอันจำเป็นเพื่อรักษาและใช้ภาระจำยอมอย่างหนึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1391 โจทก์ทั้งสามสิบย่อมมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะใช้สิทธิทางศาลฟ้องบังคับจำเลยทั้งสามให้จดทะเบียนภาระจำยอมดังกล่าวได้ โจทก์ทั้งสามสิบจึงมีอำนาจฟ้อง ฎีกาของจำเลยทั้งสามในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
มีประเด็นต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามในข้อต่อไปว่า ที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลพระภูมิเจ้าที่เป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ทั้งสามสิบหรือไม่ และจำเลยทั้งสามมีสิทธิรื้อถอนศาลพระภูมิเจ้าที่และกั้นรั้วแมททัลชีทหรือไม่ โดยจำเลยทั้งสามฎีกาว่า ศาลพระภูมิเจ้าที่สร้างอยู่ในที่ดินของจำเลยที่ 3 เป็นการส่วนตัวเพื่อการเคารพบูชากราบไหว้ ที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลพระภูมิเจ้าที่จึงไม่เป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ทั้งสามสิบ จำเลยที่ 3 จึงมีอำนาจรื้อถอนศาลพระภูมิเจ้าที่และกั้นรั้วแมททัลชีทในที่ดินของจำเลยที่ 3 ไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ทั้งสามสิบนั้น เห็นว่า ประเด็นตามฎีกาในข้อนี้ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวไว้โดยละเอียดและชอบด้วยเหตุผลแล้วว่า จำเลยที่ 3 รื้อถอนศาลพระภูมิเจ้าที่และกั้นรั้วแมททัลชีทในบริเวณถนนรูปตัวทีซึ่งตกเป็นภาระจำยอมโดยผลของกฎหมายเพื่อประโยชน์แก่การจัดสรรที่ดินของโจทก์ทั้งสามสิบตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 286 ข้อ 30 วรรคหนึ่ง เป็นเหตุให้ภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวกอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายและละเมิดต่อโจทก์ทั้งสามสิบ ซึ่งศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสามในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกันสำหรับฎีกาข้ออื่นของจำเลยทั้งสามเป็นรายละเอียดปลีกย่อย ไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง
พิพากษายืน ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 5,000 บาท แทนโจทก์ทั้งสามสิบ

Share