คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1215/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะที่ผู้เสียหายซึ่งเป็นตำรวจกอดปล้ำจับจำเลย จำเลยได้ชักปืนออกมาจากเอวตำรวจอีกคนหนึ่งก็เตะปืนหลุดจากมือจำเลยไปเสียก่อน ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ลงมือกระทำผิดแล้วแต่กระทำไปไม่ตลอด จำเลยไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน
ความผิดฐานมีอาวุธปืนและกระสุนปืน กับความผิดฐานมีวัตถุระเบิดใช้เฉพาะแต่ในการสงครามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ เป็นความผิดสองกรรมต่างกัน หาใช่เป็นความผิดกรรมเดียวแต่ละเมิดกฎหมายหลายบทไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้มีอาวุธปืนพกขนาด .22 จำนวน 1 กระบอกใช้ยิงได้ และกระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 7 นัด กับมีลูกระเบิดชนิดสังหาร 1 ลูก อันเป็นวัตถุระเบิดใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ได้พกพาปืนไปในเมืองและทางสาธารณะโดยเปิดเผยและไม่มีเหตุอันสมควร และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตำรวจผู้เข้าจับกุมจำเลย และใช้อาวุธปืนยิงตำรวจด้วยเจตนาฆ่า จำเลยลงมือกระทำผิดแล้วแต่กระทำไปไม่ตลอด เพราะตำรวจเข้าแย่งปืนจากจำเลยได้เสียก่อน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138, 371, 289(2), 80, 90, 91 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 2 และขอให้ริบของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 38, 55, 72, 74, 78 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2501 มาตรา 5, 8 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2510 มาตรา 3 ให้ลงโทษตามมาตรา 55, 78 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก 2 ปี มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ปรับ 100 บาท และมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138, 289(2), 80 ให้ลงโทษตามมาตรา 289(2),80 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ให้จำคุกตลอดชีวิต และให้เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุก 50 ปี รวมเป็นโทษจำคุก 52 ปี และปรับ 100 บาท ริบของกลาง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยกระทำผิดตามที่ฟ้อง แต่คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา พิพากษาแก้ว่าให้ลดโทษจำคุกของจำเลยลงหนึ่งในสาม ส่วนโทษปรับลดโทษให้ 40 บาท เหลือโทษจำคุกจำเลย 34 ปี 8 เดือน และปรับ 60 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อหาว่าจำเลยมีอาวุธปืนและกระสุนปืนกับมีวัตถุระเบิดนั้น ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 2 ปี และข้อหาว่าจำเลยพกพาอาวุธไปในทางสาธารณะและในเมือง โดยไม่มีเหตุอันสมควร ลงโทษปรับ 100 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลดโทษให้ 1 ใน 3 อันเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยมิได้กระทำความผิดอันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงนั้น ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 และ 220 ตามลำดับ ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาของจำเลยในข้อหาความผิดดังกล่าวเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ไม่ได้

ส่วนฎีกาในข้อหาฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานนั้น รูปคดีน่าเชื่อว่าขณะที่สิบตำรวจตรีสุวิทย์กอดปล้ำนอนทับอยู่บนร่างกายของจำเลยนั้น จำเลยได้ชักปืนออกมาจากเอวเท่านั้นไม่น่าเชื่อว่าจำเลยได้ยกขึ้นจี้หรือจ้องไปที่ตัวสิบตำรวจตรีสุวิทย์สิบตำรวจโทสมจิตได้เข้าไปใช้เท้าเตะปืนหลุดจากมือจำเลยไปเสียก่อนเช่นนี้ เห็นว่าจำเลยยังไม่อยู่ในสภาพพร้อมที่จะยิงสิบตำรวจตรีสุวิทย์ได้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้ลงมือกระทำความผิดแล้ว แต่กระทำไปไม่ตลอดดังฟ้อง จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน จำเลยคงมีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 เท่านั้น

อนึ่งที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาปรับบทลงโทษจำเลยในข้อหาความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน กับความผิดฐานมีวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะในการสงคราม ไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ โดยให้ลงโทษตามมาตรา 55, 78 อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุก 2 ปีนั้น ยังไม่ถูกต้อง เพราะกรณีเป็นความผิดสองกรรมต่างกันหาใช่เป็นความผิดกรรมเดียวแต่ละเมิดกฎหมายหลายบทไม่ ศาลจะต้องลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 2

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า กระทงความผิดฐานมีอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาต และกระทงความผิดฐานมีวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะ แต่ในการสงครามไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาตนั้น ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 2 คงให้จำคุก 1 ปี 4 เดือน ดังศาลอุทธรณ์กำหนด จำเลยไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(2), 80 คงมีความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 ให้วางโทษจำคุก 1 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามแล้วคงเหลือจำคุก 8 เดือน รวมโทษของจำเลยทุกกระทงความผิด จำคุก 2 ปี ปรับ 60 บาท นอกจากที่แก้นี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share