แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้มีสิทธครอบครองที่ดินพิพาททั้งสองแปลง ซึ่งมีเอกสารสิทธิเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ต่อมาปรากฎว่าได้มีการเปลี่ยนแปลงวางทะเบียนในเอกสารสิทธิดังกล่าวไปเป็นของจำเลยทั้งสองและจำเลยทั้งสองได้ยื่นเรื่องขอออกโฉนดในที่ดินดังกล่าวพร้อมนำเจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดที่ดิน ตามคำฟ้องดังกล่าวโจทก์แสดงว่า โจทก์อ้างความเป็นเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่า แต่ต่อมาปรากฏว่ามีชื่อจำเลยทั้งสองเป็นผู้ครอบครองในทะเบียนที่ดิน แล้วจำเลยทั้งสองยังยื่นเรื่องขอออกโฉนดและนำเจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดเพื่อออกโฉนดให้แก่จำเลยทั้งสองการกระทำของจำเลยทั้งสอง จึงเป็นการอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของตน และกำลังดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดิน เช่นนี้ย่อมถือได้ว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิครอบครองที่ดินของโจทก์โดยตรงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า โจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่าถูกจำเลยทั้งสองกระทำการโต้แย้งสิทธิในที่ดินอย่างไร โจทก์จึงไม่มีข้อโต้แย้งสิทธิแล้วพิพากษายกฟ้องมานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา เนื่องจากคดีนี้ยังมิได้มีการสืบพยานจึงเห็นสมควรย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ต่อไป ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 243 (2) ประกอบมาตรา 247
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้พิพากษาว่าที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 765 และ 949 ตำบลมะเกลือเก่า อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา เป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยทั้งสองทำนิติกรรมใด ๆ ในที่ดิน บังคับจำเลยทั้งสองให้จดทะเบียนโอนที่ดินตามฟ้องให้โจทก์ หากจำเลยทั้งสองไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า พิเคราะห์ตามคำฟ้องแล้วได้ความว่า ที่ดินพิพาทโจทก์ซื้อจากนายแสวงและนางประกอบ หลังจากนั้นโจทก์เข้าครอบครองที่ดินมาโดยตลอด ส่วนจำเลยไม่ปรากฏว่ามีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับโจทก์ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองบุกรุก หรือกระทำการใด ๆ อันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ดังนั้นโจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยทั้งสองให้จดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่ตนได้ จึงมีคำสั่งยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ สำหรับกระบวนพิจารณาใด ๆ ที่ได้กระทำมาแล้วให้เพิกถอนเสีย จำหน่ายคดีจากสารบบความ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ โจทก์อ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ การที่จำเลยทั้งสองยื่นเรื่องขอออกโฉนดในที่ดินพิพาทพร้อมนำเจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดที่ดิน และโจทก์ได้คัดค้านไว้แล้ว ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองดังกล่าวเป็นการโต้แย้งหรือรบกวนสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาททั้งสองแปลง ซึ่งมีเอกสารสิทธิเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ต่อมาปรากฏว่าได้มีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนในเอกสารสิทธิดังกล่าวไปเป็นของจำเลยทั้งสอง และจำเลยทั้งสองได้ยื่นเรื่องขอออกโฉนดในที่ดินดังกล่าวพร้อมนำเจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดที่ดิน ตามคำฟ้องดังกล่าวโจทก์แสดงว่า โจทก์อ้างความเป็นเจ้าของผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่า แต่ต่อมาปรากฏว่ามีชื่อจำเลยทั้งสองเป็นผู้ครอบครองในทะเบียนที่ดิน แล้วจำเลยทั้งสองยังยื่นเรื่องขอออกโฉนดและนำเจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดเพื่อออกโฉนดให้แก่จำเลยทั้งสอง การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของตน และกำลังดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดิน เช่นนี้ย่อมถือได้ว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิครอบครองที่ดินของโจทก์โดยตรง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง แม้โจทก์กับจำเลยทั้งสองไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกันมาก่อน แต่การกระทำของจำเลยทั้งสองมีผลกระทบต่อสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทของโจทก์ โจทก์จึงชอบที่จะฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์นั้นเสียได้ ส่วนคำขอบังคับของโจทก์ข้อใดบังคับได้หรือไม่ เพียงใด เป็นกรณีที่ศาลจะพิพากษาเมื่อได้พิจารณาพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายเสร็จสิ้นแล้ว ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า โจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่าถูกจำเลยทั้งสองกระทำการโต้แย้งสิทธิในที่ดินอย่างไร โจทก์จึงไม่มีข้อโต้แย้งสิทธิแล้วพิพากษายกฟ้องมานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น และเนื่องจากคดีนี้ยังมิได้มีการสืบพยาน จึงเห็นสมควรย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ต่อไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 (2) ประกอบ มาตรา 247”
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ