แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ออกหนังสือค้ำประกันหนี้จำเลยโดยมีข้อตกลงให้โจทก์หักหนี้จำเลยจากบัญชีเงินฝากจำเลยได้แต่หนี้ที่ฟ้องเป็นหนี้ของซ.ส่วนหนี้ที่ให้หักจากบัญชีเงินฝากเป็นหนี้ของจำเลยที่มีต่อผู้อื่นและโจทก์ได้ชำระหนี้ส่วนนั้นไปแล้วแต่เมื่อจำเลยได้จำนองที่ดินประกันหนี้ของช.จำเลยจึงต้องร่วมรับผิดตามสัญญาจำนองเมื่อคู่สัญญามีหนี้ต่อกันและตกลงให้หักบัญชีเงินฝากได้ข้อตกลงดังกล่าวย่อมผูกพันจำเลยผู้จำนองจะต้องร่วมรับผิดกับซ.โจทก์จึงมีสิทธิหักบัญชีเงินฝากของจำเลย โจทก์ฟ้องบังคับจำนองอ้างว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ขอบังคับจำนองแต่เมื่อฟังได้ว่ามิใช่หนี้ของจำเลยแต่เป็นหนี้ของซ. แม้จะตรงตามข้อสัญญาของโจทก์กับจำเลยแต่ก็ไม่ตรงกับที่โจทก์ฟ้องจึงเป็นเรื่องนอกฟ้องศาลไม่อาจบังคับให้ตามที่โจทก์ประสงค์ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกค้าของโจทก์ประเภทขอให้โจทก์ออกหนังสือค้ำประกันให้แก่องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร จำเลยได้รับหนังสือค้ำประกันไปใช้ประโยชน์เรียบร้อยแล้ว และสัญญาว่าหากโจทก์ได้รับความเสียหายเนื่องจากการค้ำประกันอย่างใดอย่างหนึ่ง จำเลยจะชดใช้แก่โจทก์จนครบถ้วนพร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี โดยจำเลยได้นำที่ดินโฉนดเลขที่ 62 ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่มีอยู่แล้วหรือจะมีในภายหน้าจดทะเบียนจำนองเป็นประกันไว้กับโจทก์ต่อมาจำเลยผิดสัญญากับองค์การตลาดเพื่อเกษตรกรรมเป็นเหตุให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกรเรียกร้องให้โจทก์ชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันโจทก์ชำระหนี้ให้แก่องค์การตลาดเพื่อเกษตรกรแล้ว โจทก์จึงเข้ารับช่วงสิทธิและมีสิทธิตามข้อสัญญาที่จะเรียกให้จำเลยชำระเงินที่โจทก์จ่ายไปพร้อมทั้งดอกเบี้ยให้แก่โจทก์จนครบถ้วนโจทก์นำเงินฝากประจำของจำเลยที่นำมามอบให้กับโจทก์เพื่อเป็นประกันหนี้ชำระหนี้ที่จำเลยค้างชำระโจทก์ เมื่อหักบัญชีเงินฝากประจำแล้ว ปรากฏว่าจำเลยคงมีหนี้ค้างชำระโจทก์เป็นเงินจำนวน4,178,765.13 บาท จำเลยไม่ยอมชำระหนี้และไถ่ถอนจำนอง ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย รวมเป็นเงินที่จำเลยค้างชำระ 5,699,079.13บาท ขอให้ศาลบังคับและให้จำเลยชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15ต่อปีจากต้นเงิน 4,178,765.13 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากจำเลยไม่ยอมชำระหนี้แก่โจทก์หรือชำระหนี้ไม่ครบถ้วน ขอให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 62 พร้อมสิ่งปลูกสร้างกับทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้โจทก์จนครบถ้วน
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยกับองค์การตลาดเพื่อเกษตรกรไม่มีมูลหนี้ใด ๆ ต่อกัน สัญญาค้ำประกันของโจทก์ที่ออกให้แก่องค์การตลาดเพื่อเกษตรกรเพื่อประกันตามสัญญาจึงไม่มีมูลหนี้ที่จะต้องรับผิดต่อองค์การตลาดเพื่อเกษตรกรเช่นเดียวกันโจทก์ชำระหนี้แก่องค์การตลาดเพื่อเกษตรกรโดยพลการมิได้ปรึกษาหารือหรือแจ้งให้จำเลยทราบ เป็นการชำระหนี้ตามอำเภอใจของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะไล่เบี้ยกับจำเลยตามสัญญาค้ำประกันการที่โจทก์นำเงินฝากประจำของจำเลยหักชำระหนี้ที่โจทก์ชำระหนี้ไปโดยไม่มีมูลหนี้ผูกพันจำเลย และไม่มีสิทธิไล่เบี้ยเอากับจำเลยโจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะนำเงินฝากประจำของจำเลยไปหักชำระหนี้ที่โจทก์จ่ายให้แก่องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ขอให้ยกฟ้อง และให้โจทก์ชำระเงินฝากประจำพร้อมดอกเบี้ยจำนวน3,601,234 บาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าโจทก์จะชำระแก่จำเลยเสร็จ
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า เมื่อโจทก์ถูกเรียกร้องให้ชำระเงินตามภาระที่ค้ำประกันก็อยู่ในดุลพินิจของโจทก์ที่จะจ่ายได้โดยไม่จำเป็นจะต้องแจ้งให้จำเลยทราบ หรือจะต้องได้รับความยินยอมจากจำเลยก่อน การที่จำเลยได้ขอให้โจทก์ออกหนังสือค้ำประกันโดยจำเลยได้รับไปใช้ประโยชน์เป็นการเรียบร้อยนั้นโจทก์จึงมีสิทธิตามสัญญาที่จะเรียกให้จำเลยชำระเงินที่โจทก์ต้องจ่ายไปดังกล่าวพร้อมทั้งดอกเบี้ยให้แก่โจทก์จนครบถ้วนได้จำเลยจึงไม่มีสิทธิเรียกเงินจำนวน 3,601,234 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยและดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระให้จำเลยเสร็จแต่อย่างใดขอให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ชำระเงินจำนวน 1,179,733.60 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่จำเลย
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์ชำระเงินจำนวน 3,601,234 บาท พร้อมดอกเบี้ย นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีการตกลงให้โจทก์หักหนี้จำเลยจากบัญชีเงินฝากได้ แต่หนี้ที่ฟ้องเป็นหนี้ของห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงสีไทยเซ้งล้งสกนคร ส่วนหนี้ที่ให้หักจากบัญชีเงินฝากเป็นหนี้ของจำเลยที่มีต่อผู้อื่นและโจทก์ได้ชำระหนี้ส่วนนั้นไปหนี้ดังกล่าวแม้จะเป็นหนี้ของห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงสีไทยเซ้งล้งสกลนคร แต่ปรากฏว่าจำเลยได้จำนองที่ดินประกันหนี้ของห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงสีไทยเซ้งล้งสกลนคร เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงสีไทยเซ้งล้งสกลนครมีหนี้ที่โจทก์จะไล่เบี้ยได้จำเลยจะต้องร่วมรับผิดตามสัญญาจำนอง ในคดีนี้โจทก์จะบังคับตามสัญญาจำนองได้หรือไม่ จะได้วินิจฉัยภายหลัง แต่เมื่อคู่สัญญามีหนี้ต่อกันและตกลงให้หักบัญชีเงินฝากได้ ข้อตกลงดังกล่าวย่อมผูกพันจำเลยที่เป็นผู้จำนองจะต้องร่วมรับผิดกับห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงสีไทยเซ้งล้งสกลนคร เมื่อเกิดมีหนี้ที่จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์อยู่เช่นนี้ โจทก์มีสิทธิจะหักบัญชีเงินฝากของจำเลยเพื่อเอาชำระหนี้โจทก์รายนี้ได้ตั้งแต่ก่อนฟ้องคดีโดยไม่จำต้องคืนเงินให้จำเลย
โจทก์ฟ้องบังคับจำนองในคดีนี้อ้างว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์และขอบังคับจำนอง แต่ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่ามิใช่หนี้ของจำเลย แต่เป็นหนี้ของห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงสีไทยเซ้งล้งสกลนครซึ่งอาจจะตรงตามข้อสัญญาของโจทก์กับจำเลย แต่ไม่ตรงกับที่โจทก์ฟ้องจึงเป็นเรื่องนอกฟ้อง ศาลไม่อาจบังคับให้ตามที่โจทก์ประสงค์ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยเสียด้วย