คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1208/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บุตรเช่านาของมารดาส่วนหนึ่งทำกิน ครั้นน้องมาทวงค่าเช่าก็ไม่ให้ และกลับว่าเป็นที่ของตนเช่นนี้จะถือว่ามารดาถูกแย่งสิทธิครอบครองตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 ไม่ได้เพราะเป็นเรื่องเนื่องจากการเช่าที่ส่วนหนึ่งของมารดา แล้วจะกลับมาเถียงสิทธิกับน้องแย่งการครอบครองจากมารดาย่อมไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้ให้นางพงษ์บุตรโจทก์น้องจำเลย ทำกินแล้วนางพงษ์ให้จำเลยเช่าทำได้ 1 ปี นางพงษ์ทวงถามค่าเช่า จำเลยกลับเถียงกรรมสิทธิ์ โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามไม่ให้จำเลยเกี่ยวข้อง

จำเลยต่อสู้คดีหลายประการ ในที่สุดว่าจำเลยครอบครองโดยปรปักษ์มา 11 ปีแล้ว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ส่วนในเรื่องอายุความนั้นได้ความว่า ที่พิพาทมีเนื้อที่เพียง 1 ไร่เศษเป็นส่วนหนึ่งของที่แปลงใหญ่ของโจทก์ ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 8 ไร่ เป็นที่นาราว 4 ไร่ นอกนั้นเป็นที่สวนโจทก์ปลูกบ้านอยู่ นาแปลงพิพาทจำเลยเช่าทำโดยโจทก์มิได้ยกให้ การที่นางพงษ์ไปทวงค่าเช่าจำเลย ๆไม่ให้กลับว่าเป็นที่ของจำเลยนั้น ไม่มีทางจะให้เห็นว่าโจทก์ถูกแย่งสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 เพราะเป็นเรื่องเนื่องจากการเช่าที่ส่วนหนึ่งของมารดา แล้วกลับจะมาเถียงสิทธิกับนางพงษ์แย่งการครอบครองจากมารดาย่อมไม่ได้คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

พิพากษากลับให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น

Share