คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 397/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีอาญาที่โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยสมคบกันลักตัดฟันต้นไม้ในที่ดินของโจทก์ เมื่อได้ความเพียงว่า ที่ดินนั้นโจทก์จำเลยได้เคยนำเจ้าพนักงานรังวัดเถียงสิทธิครอบครองกันอยู่ ดังนี้ศาลไม่ควรงดสืบพะยานโจทก์โดยเห็นไปว่าเป็นคดีแพ่ง ควรให้โอกาสโจทก์สืบให้สมฟ้องเพราะอาจเป็นความผิดทางอาญาได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาหาว่า สมคบกันลักตัดต้นสะแก และต้นแสมในที่ดินของโจทก์ที่ได้จับจองและครอบครองเป็นเจ้าของไป จำเลยทั้ง ๒ ปฏิเสธต่อสู้ว่า จำเลยที่ ๑ ผู้เดียวตัดในที่ของจำเลย จำเลยส่งสำเนาแผนที่วิวาท ซึ่งเจ้าพนักงานหอทะเบียนรับรองว่าถูกต้องต่อศาล ซึ่งได้ความตามที่โจทก์รับว่า โจทก์จำเลยเคยนำรังวัดที่ดินพิพาทกันเรื่องเถียงสิทธิการครอบครอง ในชั้นเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อขอรับโฉนดแต่เจ้าพนักงานที่ดินยังหาได้ชี้ขาดให้ที่พิพาทควรเป็นของฝ่ายใดไม่
ศาลชั้นต้นงดสืบพะยาน พิพากษาว่าเป็นคดีมีข้อพิพาทในทางแพ่ง ให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ยังไม่เป็นเหตุพอจะให้ชี้ขาดว่าเป็นคดีแพ่ง เพราะรูปคดีอาจเป็นว่าแก้ล้งไปขอรังวัดทับที่ดินของผู้อื่นที่เขาทำมรรคผลไว้แล้ว เข้าไปทำลายมรรคผลของเขาเสียโดยรู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่ของตน ก็อาจเป็นผิดทางอาญาได้ควรฟังหลักฐานพะยานโจทก์ก่อนว่า จะสืบสมฟ้องหรือไม่ พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพะยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เพียงแต่ปรากฎข้อเท็จจริงดังกล่าว ยังหาพอที่จะฟังในเบื้องต้นว่าฝ่ายใดเป็นเจ้าของที่ดินนั้นไม่จำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงที่โจทก์จักต้องนำสืบให้สมข้อกล่าว หาเห็นพ้องด้วยศาลอุทธรณ์
พิพากษายืน

Share