แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญามีความว่า ถ้าไม่ชำระเงินกู้ตามสัญญา ที่นาที่ประกันนี้ให้เป็นสิทธิแก่เจ้าหนี้นั้น แสดงให้เห็นความประสงค์ของคู่สัญญาแจ้งชัดว่า เมื่อพ้นกำหนดเวลาตามที่ตกลงกันไว้ ให้ที่นาเป็นสิทธิแก่เจ้าหนี้ อีกนัยหนึ่งคือลูกหนี้ได้สละสิทธิการครอบครองตั้งแต่วันพ้นกำหนดแล้ว เจ้าหนี้จึงไม่ตกอยู่ในฐานะเป็นผู้ยึดถือทรัพย์สินแทนผู้ครอบครอง(ลูกหนี้) ตามความหมายในมาตรา 1381 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อเจ้าหนี้ครอบครองต่อมาจึงเป็นการครอบครองเพื่อตน
ที่นามือเปล่าไม่มีหนังสือสำคัญผู้ครอบครองได้ใช้อำนาจยึดถือเพื่อตนมานาน 8,9 ปี ย่อมได้สิทธิครอบครอง (อ้างฎีกาที่ 153/2488)
ย่อยาว
ความว่า ที่นาพิพาทเป็นที่มือเปล่า ไม่มีหนังสือสำคัญ โจทก์ได้นำไปให้จำเลยยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ และทำต่างดอกเบี้ยในสัญญามีข้อความว่า ฝ่ายผู้กู้ยืมเงินยอมสัญญาจะนำเงินที่กู้นี้มาชำระภายในวันที่ 9 กรกฎาคม 2481 ถ้าไม่ชำระตามสัญญาที่นาที่ประกันนี้ให้เป็นสิทธิแก่เจ้าหนี้ โจทก์ได้ฟ้องขอให้จำเลยรับชำระหนี้และคืนนา จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ได้สละสิทธิครอบครองแล้วตั้งแต่นั้นจำเลยได้ใช้สิทธิครอบครองในฐานะเป็นเจ้าของตลอดมาศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรับชำระหนี้ และคืนนาให้โจทก์ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โดยผู้พิพากษานายหนึ่งแย้งว่าควรพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในระยะแรกฝ่ายจำเลยครอบครองโดยอาศัยอำนาจของโจทก์ เพื่อทำนากินต่างดอกเบี้ย ส่วนในระยะหลังเมื่อพ้นกำหนดเวลาตามที่ตกลงกันไว้ ข้อความในสัญญาแสดงให้เห็นความประสงค์ของคู่สัญญาแจ้งชัดว่า หลังจากวันที่ 9 กรกฎาคม 2481 ให้ที่นาเป็นสิทธิแก่จำเลย หรืออีกนัยหนึ่งโจทก์ได้สละสิทธิการครอบครองตั้งแต่วันพ้นกำหนดแล้ว จำเลยจึงไม่ตกอยู่ในฐานะเป็นผู้ยึดถือทรัพย์สินแทนผู้ครอบครองตามความหมายของมาตรา 1381 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ซึ่งไม่จำต้องบอกกล่าวต่อไปยังผู้ครอบครองเดิม (โจทก์) และที่นารายนี้เป็นที่นามือเปล่าไม่มีหนังสือสำคัญ จำเลยได้ใช้อำนาจยึดถือเพื่อตนมานาน 8-9 ปี ได้สิทธิครอบครองแล้ว
พิพากษายืน