คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12070/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราจากผู้กู้แต่ละรายต่างวันเวลากัน รวม 35 วัน จำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ตามฟ้อง การกระทำของจำเลยจึงมีเจตนาเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราจากผู้กู้แต่ละรายแยกต่างหากจากกันในแต่ละวันที่จำเลยกระทำความผิด จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2475 มาตรา 3 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 ลงวันที่ 26 มกราคม 2515 ข้อ 5 (7), 16 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91 ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2475 มาตรา 3 (ก) ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 ลงวันที่ 16 มกราคม 2515 ข้อ 5 (7), 16 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานจัดหามาซึ่งเงินทุนแล้วให้ผู้อื่นกู้ จำคุก 6 เดือน ฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา จำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 35 กระทง เป็นจำคุก 210 เดือน รวมจำคุก 216 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 108 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานจัดหามาซึ่งเงินทุนแล้วให้ผู้อื่นกู้ จำคุก 4 เดือน ฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา จำคุกกระทงละ 4 เดือน รวม 35 กระทง เป็นจำคุก 140 เดือน รวมจำคุก 144 เดือน ลดโทษกึ่งหนึ่งแล้ว คงจำคุก 72 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาจำเลยเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมีเจตนาเดียวเพื่อเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดจากผู้กู้ยืมในอัตราเดียวกันคงที่ตลอดไม่เคยเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยของผู้กู้แต่ละราย การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวนั้น เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราจากผู้กู้แต่ละรายต่างวันเวลากัน รวม 35 วัน จำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ตามฟ้อง การกระทำของจำเลยจึงมีเจตนาเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราจากผู้กู้แต่ละรายแยกต่างหากจากกันในแต่ละวันที่จำเลยกระทำความผิด จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน หาใช่เป็นกรรมเดียวดังที่จำเลยฎีกาไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันนั้น จึงชอบแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ลงโทษจำเลยฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราโดยวางโทษจำคุกกระทงละ 4 เดือน ก่อนลดโทษให้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าหนักเกินไปเห็นสมควรกำหนดโทษเสียใหม่ให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดี
พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราให้จำคุกกระทงละ 2 เดือน รวม 35 กระทง รวมจำคุก 70 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้ว คงจำคุก 35 เดือน เมื่อรวมกับโทษฐานอื่นตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 แล้ว เป็นจำคุก 37 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

Share