คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1200/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้พยานโจทก์มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้จับกุมจำเลยและพนักงานสอบสวนมาเบิกความประกอบคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและสอบสวนแต่จำเลยก็ไม่ได้อ้างตัวเองเป็นพยานปฏิเสธคำรับสารภาพดังกล่าว ทั้งยังนำชี้ที่เกิดเหตุ แสดงจุดที่ใช้เป็นช่องทางเข้าบ้านผู้เสียหาย งัดฝาบ้านเข้าไปลักทรัพย์ช่องทางเอาทรัพย์ออกจากบ้านผู้เสียหาย จุดที่ถอดขาตู้โทรทัศน์ทิ้งไว้ ตลอดจนช่องทางที่ออกจากบ้านผู้เสียหาย ตรงกับร่องรอยของคนร้าย ดังนี้เชื่อได้ว่าจำเลยรับสารภาพในชั้นจับกุมและสวบสวนตามความสัตย์จริง และรับฟังลงโทษจำเลยได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกอีก ๓ คน ได้ร่วมกันงัดฝาบ้านของนางดวง มลีรัตน์ ผู้เสียหายจนไม้กระดานหลุดเป็นช่อง แล้วลักเอาโทรทัศน์ ๑ เครื่อง นาฬิกาข้อมือ ๓ เรือน กรรไกร ๑ เล่ม กระเป๋า ๑ ใบธนบัตรจำนวน ๕๐ บาท รวมราคาทรัพย์ ๒๕,๖๕๐ บาทไป โดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕, ๘๓ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๒๕ มาตรา ๑๑ และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕ (๑), (๓), (๔), (๗), (๘), ๘๓ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๒๕ มาตรา ๑๑ จำคุก ๓ ปี จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ หนึ่งในสาม คงจำคุก ๒ ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ๒๕,๖๕๐ บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยไม่ได้อ้างตัวเองเป็นพยาน ปฏิเสธคำรับสารภาพของตนที่ให้การในชั้นจับกุมและสอบสวน ประกอบทั้งยังนำชี้ที่เกิดเหตุคือสถานที่ ช่องทางและร่องรอยที่คนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านผู้เสียหายตรงกันเชื่อว่าจำเลยรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวนตามความสัตย์จริงที่จำเลยได้ร่วมกับพวกกระทำความผิดดังฟ้อง บุคคลอื่นๆ ที่มาเป็นพยานให้จำเลยนั้นไม่มีบุคคลใดรู้เรื่องของจำเลยดีกว่าตัวจำเลยเอง เชื่อว่าจำเลยกระทำผิดดังฟ้อง
พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๓๓๕(๑), (๓), (๘) ที่แก้ไขแล้ว ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share