แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
พกปืนไปในหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีปืนติดตัว และไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามควร เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา8 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 กรรมเดียว ลงโทษบทหนักที่สุดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 72 ทวิบทเดียว มาตรานี้ไม่บัญญัติให้ริบปืน จึงริบไม่ได้ และนำ มาตรา 371 ซึ่งไม่ใช่บทลงโทษในคดีนี้มาบังคับไม่ได้
ย่อยาว
จำเลยพกปืนตามใบอนุญาตของจำเลยกับลูกปืนบรรจุในปืนไปในหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามควร ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ, 72 ตรี คำสั่งคณะปฏิรูปฯ ฉบับที่ 44 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 7 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371, 32, 33, 78 จำคุก 3 เดือน ปรับ 1,000 บาท รอการลงโทษจำคุกไว้ 1 ปี ริบปืนของกลางศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าปืนไม่ใช่ทรัพย์ที่มีไว้หรือใช้กระทำผิดตามมาตรา 32, 33 ไม่ริบปืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท คือเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ มาตรา 8 ทวิบทหนึ่ง และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 อีกบทหนึ่ง ซึ่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 บัญญัติบังคับให้ใช้กฎหมายบทที่หนักที่สุดลงแก่จำเลย จึงต้องลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ มาตรา 72 ทวิเพียงบทเดียว แต่กฎหมายมาตรานี้มิได้บัญญัติให้อำนาจศาลสั่งริบอาวุธปืนที่พกพาไป จึงริบไม่ได้ที่โจทก์ฎีกาขอให้ริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 นั้น เห็นว่า กฎหมายมาตราดังกล่าวมิใช่บทลงโทษจำเลยในคดีนี้ จึงนำมาบังคับไม่ได้ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผลแห่งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ไม่ริบอาวุธปืนของกลาง”
พิพากษายืน