แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีส่วนอาญาจำเลยถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามเช็คอันเป็นสิทธิเรียกร้องที่ไม่ต้องอาศัยมูลความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คจึงไม่ใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาจะนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา46มาใช้บังคับไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คธนาคารทหารไทย จำกัดสำนักงานใหญ่ ลงวันที่ 5 มีนาคม 2535 จำนวนเงิน 200,000 บาทและเช็คธนาคารสหธนาคาร จำกัด สาขาเทเวศร์ ลงวันที่ 10มีนาคม 2535 จำนวนเงิน 300,000 บาท ซึ่งจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายชำระหนี้เงินยืมให้แก่โจทก์ เมื่อเช็คทั้งสองฉบับถึงกำหนดชำระเงิน โจทก์ได้ดำเนินการเรียกเก็บเงินตามเช็คทั้งสองฉบับนั้นแล้ว แต่ปรากฏว่าธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้งสองฉบับโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์แล้ว แต่จำเลยเพิกเฉยจำเลยต้องชดใช้เงินจำนวน 500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินถึงวันฟ้องเป็นเงิน 34,375 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 534,375 บาทแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน500,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยยืมเงินโจทก์ และไม่เคยสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งสองฉบับให้แก่โจทก์ โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คทั้งสองฉบับไม่ใช่ลายมือชื่อจำเลย และโจทก์ไม่เคยทวงถามจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 534,375 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 500,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงเชื่อว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งสองฉบับชำระหนี้เงินยืมให้แก่โจทก์ดังที่โจทก์นำสืบจริงโจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาททั้งสองฉบับโดยชอบ เมื่อธนาคารตามเช็คพิพาททั้งสองฉบับปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามเช็คพิพาททั้งสองฉบับเอาแก่จำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 วรรคหนึ่ง, 914 และ 989 วรรคหนึ่ง ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า คดีนี้กับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 4039/2536 ของศาลแขวงดุสิตเป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องกัน และคู่ความก็เป็นคู่ความรายเดียวกัน จึงต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏใสคำพิพากษาคดีส่วนอาญาดังกล่าวซึ่งฟังยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยไม่ได้ยืมเงินโจทก์ มูลหนี้ตามเช็คพิพาททั้งสองฉบับจึงไม่ใช่มูลหนี้ที่เกิดจากการชำระหนี้เงินยืมดังที่โจทก์ฟ้องและนำสืบโจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาททั้งสองฉบับโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่าในคดีส่วนอาญาดังกล่าวจำเลยถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากใช้เช็ค ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามเช็คอันเป็นสิทธิเรียกร้องที่ไม่เป็นสิทธิที่ไม่ต้องอาศัยมูลความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค จึงไม่ใช่เช็คคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา จะนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 มาใช้บังคับไม่ได้
พิพากษายืน