คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 832/2540

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้กระแสไฟฟ้าซึ่งเป็นสิ่งที่มีอันตรายโดยสภาพสามารถทำอันตรายบุคคลอื่นให้ถึงแก่ความตายได้ทำการช็อตปลาในคลองสาธารณะที่ประชาชนใช้ร่วมกันนอกจากจะเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมายอย่างชัดแจ้งแล้วยังเป็นการกระทำโดยปราศจากความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์อันถือได้ว่าเป็นการกระทำด้วยความประมาทตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา59วรรคสี่อีกด้วยเมื่อผู้ตายถูกกระแสไฟฟ้าที่จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ดังกล่าวช็อตจนถึงแก่ความตายก็ต้องถือว่าเป็นผลโดยตรงที่เกิดจากความประมาทของจำเลยทั้งสามไม่ว่าเหตุที่เกิดขึ้นจะเป็นเพราะผู้ตายลงไปอาบน้ำในคลองแล้วถูกกระแสไฟฟ้าช็อตหรือเป็นเพราะผู้ตายไปแก้สายไฟฟ้าที่เกี่ยวติดสิ่งของจึงถูกกระแสไฟฟ้าช็อตถึงแก่ความตายก็ตามก็ไม่มีผลทำให้จำเลยทั้งสามพ้นผิดแต่อย่างใด การกระทำความผิดของจำเลยทั้งสามเกิดจากความประมาทมิใช่เกิดจากการกระทำโดยเจตนาจึงมีเหตุอันควรได้รับความปรานีประกอบกับขณะเกิดเหตุจำเลยที่1และที่2มีอายุไม่เกิน17ปีซึ่งความรู้ผิดชอบย่อมจะไม่สมบูรณ์เท่ากับผู้ที่บรรลุนิติภาวะแล้วสำหรับจำเลยที่3แม้จะมีอายุมากรู้สึกผิดชอบดีแล้วแต่ก็เป็นการกระทำความผิดร่วมกับจำเลยที่1และที่2อันเป็นเหตุในลักษณะคดีต้องยกประโยชน์ในส่วนนี้ให้แก่จำเลยที่3ด้วยโทษที่จำเลยทั้งสามได้รับมีกำหนดเวลาไม่มากนักหากรับโทษจำคุกไม่มีเวลาเพียงพอที่จะทำการอบรมให้กลับตัวเป็นคนดีได้ทันซ้ำยังอาจทำให้จดจำเอาตัวอย่างที่ไม่ดีจากผู้ต้องขังอื่นมาประพฤติปฏิบัติอันอาจเป็นผลร้ายต่อสังคมไทยในภายหน้าได้สมควรให้รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยทั้งสามไว้ซึ่งน่าจะมีผลดีแก่สังคมโดยส่วนรวมมากกว่า

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันปล่อยกระแสไฟฟ้าแรงสูงลงในคลองขุนน้ำเพื่อช็อตปลา เป็นการกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้นายปิยะหรือโก ชูโลก บุตรโจทก์ซึ่งลงไปอาบน้ำถึงแก่ความตายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ให้จำคุกคนละ 1 ปี
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังเป็นยุติว่า ตามวันและเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง นายปิยะหรือโกชูโลก บุตรโจทก์ถูกกระแสไฟฟ้าที่ใช้ช็อตปลาในคลองขุนน้ำช็อตจนถึงแก่ความตาย คงมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามข้อแรกว่า จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้กระแสไฟฟ้าซึ่งเป็นสิ่งที่มีอันตรายโดยสภาพสามารถทำอันตรายบุคคลอื่นให้ถึงแก่ความตายได้ ทำการช็อตปลาในคลองขุนน้ำอันเป็นคลองสาธารณะที่ประชาชนใช้ร่วมกันเช่นนี้ นอกจากจะเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมายอย่างชัดแจ้งแล้ว ก็ยังเป็นการกระทำโดยปราศจากความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์ อันถือได้ว่าเป็นการกระทำด้วยความประมาทตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรคสี่อีกด้วย เมื่อผู้ตายถูกกระแสไฟฟ้าที่จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ดังกล่าวช็อตจนถึงแก่ความตายเช่นนี้ ก็ต้องถือว่าเป็นผลโดยตรงที่เกิดจากความประมาทของจำเลยทั้งสาม ไม่ว่าเหตุที่เกิดขึ้นจะเป็นเพราะผู้ตายลงไปอาบน้ำในคลองแล้วถูกกระแสไฟฟ้าช็อตตามข้อกล่าวอ้างของโจทก์ หรือเป็นเพราะผู้ตายไปแก้สายไฟฟ้าที่เกี่ยวติดสิ่งของจึงถูกกระแสไฟฟ้าช็อตถึงแก่ความตาย ตามที่จำเลยทั้งสามกล่าวอ้างมาในฎีกาก็ตาม ก็ไม่มีผลทำให้จำเลยทั้งสามพ้นผิดแต่อย่างใด ฎีกาของจำเลยทั้งสามข้อนี้ฟังไม่ขึ้น แต่ปรากฏหลักฐานจากสำเนาแบบพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ต้องหาในสำเนาสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 1990/2536 ของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ที่พนักงานอัยการจังหวัดนครศรีธรรมราชส่งต่อศาลตามเอกสารหมาย จ.5 แผ่นที่ 47 และ 48 ว่าจำเลยที่ 1เกิดเมื่อ พ.ศ. 2519 และจำเลยที่ 2 เกิดเมื่อ พ.ศ. 2520 ซึ่งเมื่อนับถึงขณะเกิดเหตุคือ พ.ศ. 2536 จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีอายุไม่เกิน 17 ปี กรณีจึงต้องด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 75 ที่จะต้องลดมาตราส่วนโทษให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2คนละกึ่งหนึ่ง แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 มิได้ลดมาตราส่วนโทษให้แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 แต่อย่างใด จึงเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง
ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสามข้อต่อไปมีว่าสมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยทั้งสามหรือไม่ เห็นว่าการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสามเกิดจากความประมาท มิใช่เกิดจากการกระทำโดยเจตนาจึงมีเหตุอันควรได้รับความปรานีประกอบกับขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 และที่ 2 ก็มีอายุไม่เกิน 17 ปีซึ่งความรู้ผิดชอบย่อมจะไม่สมบูรณ์เท่ากับผู้ที่บรรลุนิติภาวะแล้วสำหรับจำเลยที่ 3 ซึ่งแม้ว่าจะมีอายุมากรู้ผิดชอบดีแล้วแต่ก็เป็นการกระทำความผิดร่วมกับ จำเลยที่ 1 และที่ 2 อันเป็นเหตุในลักษณะคดี จึงต้องยกประโยชน์ในส่วนนี้ให้แก่จำเลยที่ 3 ด้วยทั้งเมื่อพิเคราะห์ถึงโทษที่จำเลยทั้งสามได้รับมีกำหนดเวลาไม่มากนัก หากจะให้จำเลยทั้งสามต้องรับโทษจำคุกแล้วก็คงจะไม่มีเวลาเพียงพอที่จะทำการอบรมให้จำเลยทั้งสามกลับตัวเป็นคนดีได้ทัน ซ้ำยังอาจทำให้จำเลยทั้งสามจดจำเอาตัวอย่างที่ไม่ดีจากผู้ต้องขังอื่นมาประพฤติปฏิบัติ อันอาจจะเป็นผลร้ายต่อสังคมไทยในภายภาคหน้าได้ จึงเห็นสมควรให้รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยทั้งสาม โดยให้ทำการคุมความประพฤติจำเลยทั้งสามไว้ซึ่งน่าจะเป็นผลดีแก่สังคมโดยส่วนรวมมากกว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสามข้อนี้ฟังขึ้น แต่เพื่อให้จำเลยทั้งสามหลาบจำ เห็นสมควรลงโทษปรับจำเลยทั้งสามด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 อายุไม่เกิน 17 ปีลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75แล้วจำคุกคนละ 6 เดือน และปรับคนละ 10,000 บาท สำหรับจำเลยที่ 3ให้ลงโทษปรับ 20,000 บาท อีกสถานหนึ่ง โทษจำคุกของจำเลยทั้งสามให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี และวางเงื่อนไขคุมความประพฤติจำเลยทั้งสามไว้ โดยให้จำเลยทั้งสามประกอบอาชีพที่สุจริตอันเป็นกิจจะลักษณะละเว้นความประพฤติใดอันอาจนำไปสู่การกระทำความผิดที่มีโทษทางอาญาอีก และให้จำเลยทั้งสามไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 2 เดือนต่อครั้ง มีกำหนดเวลา 2 ปี และ3 เดือนต่อครั้ง มีกำหนดเวลา 1 ปี และให้จำเลยทั้งสามทำงานเพื่อสาธารณประโยชน์ตามแต่ที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยทั้งสามเห็นสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

Share