แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยแถลงต่อศาลว่าจะอ้างเอกสารเป็นพะยานต่อศาลใน 10 วัน ครั้นถึงกำหนดขอผัดส่งต่อไปอีก 10 วันศาลอนุญาตครั้นถึงกำหนดนัด จำเลยไม่ส่งเอกสารต่อศาลและจำเลยและทนาย จำเลยไม่มาศาลในวันนัด ดังนี้ถือว่าจำเลยไม่มีเอกสารเป็นพะยาน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยยืมเงินโจทก์ไป ๒ คราว รวม ๕๖๘๒.๒๕ บาท ตามสัญญาท้ายฟ้องมีข้อความว่า “ข้าพเจ้า ร.อ.เสงี่ยม โมระศิลปิน ได้ยืมเงินจากนายสาย บำรุงพันธ์ ๒๐๐๐ บาท เพื่อทำการค้าร่วมกันสัญญาว่าจะส่งคืนเงินภายใน ๑๕ วัน” และ “ได้ยืมเงินเพิ่มไปอีกเมื่อวันที่ ๒๕ ส.ค. ๙๐ เป็นเงิน ๓๖๘๒.๒๕ บาท” จำเลยแถลงรับเอกสารดังกล่าว แต่ต่อสู้ว่าได้รับเงินมาเพื่อร่วมทุนค้าฟืน การค้าเวลานี้ยังไม่ได้เลิกชำระบัญชีกัน ที่มีข้อความในหนังสือว่า “ยืม” โดยไม่เข้าใจเขียนไม่ใช่เจตนาแท้จริง ในวันชี้สองสถานจำเลยว่ามีบัญชีการค้าร่วมกันจะอ้างส่งศาลใน ๑๐ วัน ครั้นถึงกำหนดขอผัดส่งอีก ๑๐ วัน ศาลอนุญาตครบกำหนดผัดคราวหลังจำเลยไม่ส่งเอกสารและจำเลยและทนายจำเลยไม่มาศาล
ศาลชั้นต้นถือว่าจำเลยไม่มีเอกสารเป็นพะยานและสั่งงดสืบพะยานบุคคล วินิจฉัยว่าจำเลยจะนำสืบเพิ่มเติมตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารไม่ได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา ๙๔ เพราะจำเลยไม่ได้ต่อสู้ว่า เอกสารนั้นไม่สมบูรณ์หรือตีความหมายผิด พิพากษาให้จำเลยใช้ต้นเงินและดอกเบี้ย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยคดีมาชอบแล้ว และที่ศาลชั้นต้นถือว่าจำเลยไม่มีเอกสารเป็นพะยานเป็นการชอบด้วยทางพิจารณาแล้ว เพราะจำเลยมิได้ส่งเอกสารที่กล่าวอ้าง และมิได้แสดงเหตุขัดข้องอย่างใดตรงกันข้ามกลับไม่มาศาลในวันนัด
พิพากษายืน