คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1199/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรณีมีเหตุอันอาจทำให้เข้าใจว่ายุ้งข้าวที่จำเลยรื้อเป็นของบิดามารดาจำเลย ทั้งปรากฏว่าจำเลยจัดการให้รื้อในเวลากลางวันต่อหน้าบุคคลหลายคนอันเป็นการกระทำโดยเปิดเผยเมื่อพนักงานสอบสวนไปถึงที่เกิดเหตุ จำเลยก็แสดงตัวยอมรับว่าเป็นผู้รื้อโดยอ้างว่ายุ้งข้าวดังกล่าวเป็นของบิดามารดาจำเลย ดังนี้ แสดงให้เห็นความบริสุทธิ์ใจของจำเลยว่าจำเลยมิได้กระทำโดยทุจริต จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่ามีคนร้ายลักเอายุ้งข้าว 1 หลังของนายนะ สิงหะผู้เสียหายซึ่งอยู่ในความดูแลของนายจรัส สมทอง หรือ โสมทองไปโดยทุจริต โดยรื้อถอนงัด เอาทรัพย์ดังกล่าวไป ต่อมาเจ้าพนักงานจับจำเลยได้และยึดได้ไม้ซึ่งเป็นส่วนประกอบของยุ้งข้าวดังกล่าวจากบ้านผู้มีชื่อโดยจำเลยนำไปขายให้ผู้มีชื่อดังกล่าวไว้เป็นของกลาง ทั้งนี้โดยจำเลยเป็นคนร้ายลักทรัพย์ดังกล่าว หรือจำเลยได้รับยุ้งข้าวที่ถูกคนร้ายลักเอาไปดังกล่าวไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์อันได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา334, 357 คืนของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา334 ลงโทษจำคุก 6 เดือน ข้อหาอื่นให้ยก คืนของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำพยานโจทก์มีเหตุอันอาจทำให้เข้าใจไปได้ว่ายุ้งข้าวตามฟ้องเป็นของบิดามารดาจำเลย ทั้งปรากฏว่าจำเลยจัดการให้พรรคพวกรื้อยุ้งข้าวในเวลากลางวันต่อหน้าบุคคลหลายคนอันเป็นการกระทำโดยเปิดเผย และเมื่อพนักงานสอบสวนไปถึงที่เกิดเหตุ จำเลยก็แสดงตัวยอมรับว่าเป็นผู้รื้อยุ้งข้าวโดยอ้างว่าเป็นของบิดามารดาจำเลย แสดงให้เห็นความบริสุทธิ์ใจของจำเลย ซึ่งเป็นพฤติการณ์ที่สนับสนุนให้เชื่อได้ว่าจำเลยมิได้กระทำโดยทุจริต จำเลยย่อมไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ตามฟ้อง
พิพากษายืน ส่วนไม้ของกลางให้คืนเจ้าของ.

Share