คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1199/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยให้พรรคพวกรื้อยุ้งข้าวพิพาทในเวลากลางวัน ต่อหน้าบุคคลหลายคนโดยเปิดเผยและเมื่อพนักงานสอบสวนไปถึงที่เกิดเหตุจำเลยแสดงตัวยอมรับว่าเป็นผู้รื้อยุ้งข้าว โดยอ้างว่าเป็นของบิดามารดาจำเลย แสดงให้เห็นความบริสุทธิ์ใจของจำเลย ซึ่งเป็นพฤติการณ์ที่สนับสนุนให้เชื่อ ได้ว่า จำเลยมิได้กระทำโดยทุจริต จำเลยย่อมไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334,357 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 5)พ.ศ. 2525 มาตรา 11 และให้คืนของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 จำคุก 6 เดือน ข้อหาอื่นให้ยก คืนของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2526 เวลากลางวัน จำเลยรื้อยุ้งข้าวตามฟ้องขายให้นายหมุนไป การรื้อได้กระทำกันโดยเปิดเผยต่อหน้าบุคคลหลายคน ยุ้งข้าวดังกล่าวปลูกกอยู่ในที่ดินสวนแปลงหนึ่ง คงมีปัญหาวินิจฉัยในชั้นนี้ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีพยานหลายปากมาสืบว่า ผู็เสียหายเป็นเจ้าของยุ้งข้าวดังกล่าว โดยผู้เสียหายเบิกความตอบโจทก์ว่า ได้ปลูกยุ้งข้าวตามฟ้องลงในที่ดินสวนซึ่งเป็นที่สาธารณะที่ผู้เสียหายเข้าครอบครองทำประโยชน์ แต่เบิกความตอบคำถามค้านจำเลยว่า เป็นที่ดินที่จำเลยซื้อมาจากนางบุตรามารดาภริยาของผู้เสียหายซึ่งเป็นมารดาจำเลยด้วย นายฟ้อง บุญพรม พยานโจทก์เบิกความว่าได้ขายยุ้งข้าวตามฟ้องให้ผู้เสียหายขณะที่ผู้เสียหายอาศัยอยู่กับนางบุตราแล้วผู้เสียหายได้ปลูกยุ้งข้าวลงในที่ดินที่นางบุตรา ผู้เสียหายและจำเลยปลูกเรือนอยู่ เมื่อผู้เสียหายไปอยู่อำเภอหนองไผ่แล้วพยานเห็นยุ้งข้าวถูกทิ้งร้างไว้ไม่มีผู้ใดใช้ นายน้อย ใจแสงพยานโจทก์เบิกความว่าที่ดินที่ผู้เสียหายปลูกยุ้งข้าวเป็นที่ดินของนายลี นางบุตรา ร้อยตำรวจโทสนาม ผมหอม พนักงานสอบสวนพยานโจทก์เบิกความว่าขณะตรวจสถานที่เกิดเหตุ จำเลยเข้าไปในบริเวณที่เกิดเหตุและรับว่าเป็นคนรื้อยุ้งข้าวไปเพราะยุ้งข้าวเป็นของนายลี นางบุตรา และเบิกความว่าได้ความตามทางสอบสวนว่า นายหมุนซื้อยุ้งข้าวโดยสุจริตจึงมีคำสั่งไม่ฟ้องนายหมุน ดังนี้ เห็นว่าตามคำพยานโจทก์ที่ยกมากล่าวนี้ มีเหตุอันอาจทำให้เข้าใจไปได้ว่ายุ้งข้าวตามฟ้องเป็นของนายลีนางบุตราบิดามารดาจำเลยดังที่จำเลยนำสืบต่อสู้คดี ทั้งปรากฏว่าจำเลยจัดการให้พรรคพวกรื้อยุ้งข้าวในเวลากลางวันต่อหน้าบุคคลหลายคน อันเป็นการกระทำโดยเปิดเผยและเมื่อพนักงานสอบสวนไปถึงที่เกิดเหตุ จำเลยก็แสดงตัวยอมรับว่าเป็นผู้รื้อยุ้งข้าว โดยอ้างว่าเป็นของบิดามารดาจำเลย แสดงให้เห็นความบริสุทธิ์ใจของจำำเลย ซึ่งเป็นพฤติการณ์ที่สนับสนุนให้เชื่อได้ว่าจำเลยมิได้กระทำโดยทุจริต จำเลยย่อมไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ตามฟ้องโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน.

Share