แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การฟ้องเรียกค่าเสียหายเพราะหุ้นส่วนฝ่ายหนึ่งผิดสัญญากันการฟ้องขอเลิกหุ้นส่วน เพื่อให้มีการชำระบัญชีนั้นเป็นคนละเรื่องกัน และไม่มีกฎหมายบทใดบังคับว่า เมื่อยังมิได้เลิกหุ้นส่วนกันแล้ว ผู้เป็นหุ้นส่วนฝ่ายหนึง จะฟ้องร้องอีกฝ่ายหนึ่งหาว่าผิดสัญญาไม่ได้
โจทย์ฟ้องขอแบ่งเงินค่าช่วยเหลือการก่อสร้างจากจำเลยครึ่งหนึ่งตามสัญญาดังกล่าวนี้ เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องเพิ่มพูนและใครลงทุนไปเท่าใดเมื่อจำเลยรับเงินแล้วก็ต้องแบ่งให้โจทก์ตามสัญญา
ย่อยาว
โจทย์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยได้เป็นหุ้นส่วนเช่าที่ดินของผู้อื่นเพื่อปลูกสร้างตึกแถวให้เช่า โดยกำหนดข้อตกลงไว้ต่อกันปรากฎตามหนังสือสัญญาท้ายฟ้อง บัดนี้จำเลยประพฤติผิดสัญญาดังกล่าวคือ เป็นผู้เก็บเงินค่าช่วยเหลือในการก่อสร้างเสียแต่ผู้เดียว ยอมให้ผู้มีชขื่อเข้าอยู่ในตึกแถวห้องเลขที่ ๗๕,๔๕/๓๕๖/๑ โดยไม่ได้รับความตกลงจากโจทก์และไม่ได้ทำหนังสือสัญญาเช่าทั้งค่าเช่าก็ไม่ปรากฎ ตึกทั้ง ๔ ห้อง โจทก์ควรได้รับเป็นส่วนของโจทก์เป็นเงิน ๔๕,๐๐๐ บาท จำเลยมิได้แบ่งให้ส่วนตึกเลขที่ ๗๙ และ ๘๑ นั้น เป็นส่วนของโจทก์ ๑๔,๕๐๐ บาท แต่จำเลยจ่ายให้เพียง ๑๒,๕๐๐ บาท โจทก์จึงเสียหายไปทั้งสิ้นรวม ๕๒,๐๐๐ บาท ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายดังกล่าวแก่โจทก์และมีคำขออย่างอื่น ๆ อีก
จำเลยปฏิเสธว่า ไม่ได้กระทำผิดสัญญาโจทก์ไม่ออกเงินค่าก่อสร้างตามสัญญา ส่วนตึกหมายเลข ๗๕,๘๑, นั้น เงินช่วยค่าก่อสร้าง ๒๕,๐๐๐ บาทไม่ใช่ ๓๔,๐๐๐ บาทโจทก์ได้รับไปแล้วครึ่งหนึ่งคือ ๑๒,๕๐๐ บาท จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด อนึ่งเวลานี้ตึกที่ก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จเมื่อเสร็จแล้วจึงจะได้คิดบัญชีแบ่งผลกำไรกัน โจทย์ฟ้องจำเลยในเวลานี้ยังไม่ได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญา โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องได้ เกี่ยวกับห้องเช่า ฟังว่าจำเลยได้จัดทำไปโดยพลการเพื่อประโยชน์ของจำเลยฝ่ายเดียว สำหรับห้อง ๔ ห้องนั้นจำเลยเรียกเงินไว้รวม ๕๐,๐๐๐ บาท โจทก์ควรได้ครึ่งหนึ่งคือ ๒๕,๐๐๐ บาท ส่วนห้องที่ ๗๙ และ ๘๑ โจทก์ว่าได้รับเงินไปจากผู้เช่าแล้ว จึงไม่ควรได้รับซ้ำอีก พิพากษาให้จำเลยใช่ค่าเสียหาย ๒๕,๐๐๐ บาทแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะจำนวนเงินที่ศาลชั้นต้นบังคับให้จำเลยแบ่งให้โจทก์นั้น บังคับเกินไปหนึ่งหมื่นบาท คงให้จำเลยแบ่งให้เพียงหนึ่งหมื่นห้าพันบาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาฎีกาของจำเลยในข้อที่ว่าหุ้นส่วนรายนี้ยีงไม่เลิกจากกัน โจทก์จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยนั้นเห็นว่าการฟ้องเรียกค่าเสียหายเพราะหุ้นส่วนฝ่ายหนึ่งผิดสัญญาเช่นที่โจทก์ฟ้องคดีกับการฟ้องขอเลิกหุ้นส่วน เพื่อให้มีการชำระบัญชีนั้น เป็นคนละเรื่องกัน และไม่มีกฎหมายใดบังคับว่าเมื่อมิได้เลิกหุ้นส่วนกันแล้ว ผู้เป็นหุ้นส่วนฝ่ายหนึ่งจะฟ้องร้องอีกฝ่ายหนึ่งหาว่ผิดสัญญาไม่ได้ ฎีกาของจำเลยข้อนี้จึงตกไปส่วนอีกข้อหนึ่งที่อ้างว่า จำเลยเอาเงินไปลงทุนก่อสร้างแทนโจทก์และทุนที่ต้องลงนั้นได้เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการแก้ไขอาคารที่สร้างหลายแห่งนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ว่าเรื่องเพิ่มทุนและเรื่องใคครลงทุนไปเท่าใดนั้นเป็นกรณีต่างหากไม่เกี่ยวกับคดีนี้เรื่องนี้โจทย์ฟ้องว่าจำเลยได้รับเงินค่าช่วยเหลือการก่อสร้างซึ่งตามสัญญาจะต้องแบ่งให้แก่โจทก์ครึ่งหนึ่ง เมื่อจำเลยได้รับเงินแล้ว และไม่มีเหตุผลอย่างใดที่จะไม่แบ่งให้แก่โจทก์ตามสัญญานั้น จำเลยก็ต้องแบ่งให้แก่โจทก์
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาของจำเลย