แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อการก่อสร้างอาคารในต่างจังหวัดเสร็จลง โจทก์ต้องเดินทางกลับมาประจำบริษัทจำเลยเพื่อรอฟังคำสั่งให้ไปควบคุมงานในโครงการอื่นต่อไประหว่างรองานที่บริษัทจำเลย โจทก์คงได้รับเงินเดือนเพียงอย่างเดียวไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยงเบี้ยเลี้ยงจึงเป็นเงินตอบแทนในการทำงานเฉพาะในเวลาที่โจทก์ออกไปปฏิบัติงานในต่างจังหวัดเท่านั้น มิใช่เงินที่จำเลยจ่ายเพื่อตอบแทนการทำงานในเวลาทำงานปกติของวันทำงานอันจะถือเป็นค่าจ้าง เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์ระหว่างรองานอยู่ที่บริษัทจำเลย จึงไม่ต้องนำเบี้ยเลี้ยงมารวมคำนวณค่าชดเชยด้วย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์ทำงานประจำสนาม โจทก์ได้รับค่าจ้างเป็นเงินเดือน เบี้ยเลี้ยงค่าน้ำมันรถและค่าพาหนะเป็นประจำและมีจำนวนแน่นอนจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีความผิดจำเลยจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์โดยไม่นำเบี้ยเลี้ยงค่าน้ำมันและค่าพาหนะมารวมคำนวณด้วยจึงไม่ถูกต้อง ขอให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยส่วนที่ขาดให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยจะจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้โจทก์เฉพาะวันที่โจทก์เดินทางไปทำงานต่างจังหวัดนอกเขตกรุงเทพ ฯ เท่านั้นซึ่งเป็นการไม่แน่นอนเบี้ยเลี้ยงจึงไม่ใช่ค่าจ้าง ค่าน้ำมันและค่าพาหนะมิได้เป็นจำนวนแน่นอนเป็นไปตามที่โจทก์ใช้จ่ายจริง ไม่ใช่ค่าจ้างเช่นกัน โจทก์ได้รับค่าชดเชยถูกต้องแล้วขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า เบี้ยเลี้ยงเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้างต้องนำไปรวมคำนวณค่าชดเชยด้วย แต่ค่าน้ำมันและค่าพาหนะไม่ใช่ค่าจ้างพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าชดเชยในส่วนเบี้ยเลี้ยงที่ขาดให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสิบสำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ได้ความว่าระหว่างที่โจทก์ทำงานอยู่ต่างจังหวัดจำเลยจ่ายเงินเดือน เบี้ยเลี้ยงและเงินอื่น ๆ ให้โจทก์ เมื่อการก่อสร้างอาคารในต่างจังหวัดซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของโจทก์คนใดเสร็จ โจทก์คนนั้นต้องเดินทางมาประจำบริษัทจำเลย (อยู่ในกรุงเทพมหานคร) เพื่อรอฟังคำสั่งจากจำเลยให้ไปควบคุมการก่อสร้างในต่างจังหวัดตามโครงการอื่นต่อไป ระหว่างรองานที่บริษัทจำเลยนั้น โจทก์คงได้รับเงินเดือนเพียงอย่างเดียวโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 8 ได้กลับมาประจำอยู่ที่บริษัทจำเลยในต้นเดือนมกราคม 2530 จำเลยได้เลิกจ้างโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 8 ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2530 ส่วนโจทก์ที่ 9 ที่ 10 จำเลยเลิกจ้างตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2529 แต่ก็เป็นการเลิกจ้างระหว่างที่เข้ามารองานอยู่ที่บริษัทจำเลยเช่นกัน ค่าจ้างอัตราสุดท้ายของโจทก์ทั้งสิบจึงมีเฉพาะเงินเดือนเนื่องจากช่วงที่ถูกเลิกจ้างโจทก์ทุกคนไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยง เบี้ยเลี้ยงนี้จึงเป็นเงินตอบแทนในการทำงานเฉพาะในเวลาที่โจทก์ออกไปปฏิบัติงานในต่างจังหวัดเท่านั้นเมื่อโจทก์ทั้งสิบได้ย้ายเข้ามาประจำยังบริษัทจำเลยค่าเบี้ยเลี้ยงที่โจทก์ได้รับจึงเป็นอันระงับ ค่าเบี้ยเลี้ยงจึงมิใช่เงินที่จำเลยผู้เป็นนายจ้างให้โจทก์แต่ละคนผู้เป็นลูกจ้างเพื่อเป็นการตอบแทนการทำงานในเวลาทำงานปกติของวันทำงาน ระหว่างที่โจทก์ทั้งสิบมาประจำอยู่ที่บริษัทจำเลย อันจะพึงถือว่าเป็นค่าจ้างที่จะต้องนำมาเป็นฐานในการคำนวณค่าชดเชยอีกต่อไป
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องของโจทก์ทั้งสิบเสียด้วยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง.