แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกตกทอดแก่โจทก์จำเลย และทายาทอื่นโดยยังไม่ได้แบ่งปันกัน จำเลยขอรับมรดกใส่ชื่อจำเลยเป็นเจ้าของผู้ครอบครองในหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับที่ดินพิพาทแต่ผู้เดียวโดยโจทก์และทายาทอื่นมิได้รู้เห็นยินยอมด้วย โจทก์จึงฟ้องขอให้เพิกถอนชื่อจำเลยออกจากหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ดังนี้ ไม่ใช่เป็นการฟ้องขอแบ่งมรดก ไม่อยู่ในบังคับของอายุความมรดก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของมารดาตกทอดแก่โจทก์จำเลยและพี่น้องอื่นอีก ๔ คน จำเลยได้ทำหลักฐานเท็จแล้วดำเนินการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในหนังสือรับรองการทำประโยชน์โดยใส่ชื่อจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินแต่ผู้เดียวทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้พิพากษาเพิกถอนชื่อจำเลยออกจากหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับที่ดินพิพาทและห้ามจำเลยเกี่ยวข้องจนกว่าจะแบ่งปันกันตามสัดส่วน
จำเลยให้การว่า โจทก์ฟ้องหลังจากเจ้ามรดกตายเกิน ๑ ปีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้เพิกถอนชื่อจำเลยออกจากหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับที่ดินพิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นว่าโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนชื่อจำเลยออกจาก น.ส.๓ เลขที่ ๗๙๔ ที่จำเลยจดทะเบียนขอรับมรดกนาพิพาทมิได้ฟ้องขอแบ่งมรดกในฐานะมีสิทธิรับมรดกตามกฎหมายหรือตามพินัยกรรม จึงไม่อยู่ในบังคับอายุความมรดก
พิพากษายืน ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ