คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 119/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินกู้ ตามสัญญากู้เงิน จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ซื้อปืนพกจำเลยไป 1 กระบอกเป็นจำนวนเงินแน่นอน และว่าได้ตกลงกันหักกลบลบหนี้กันแล้ว ดังนี้ ได้ชื่อว่าเป็นการหักกลบลบหนี้กัน ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 341 หาใช่เป็นการใช้ทรัพย์แทนเงินกู้ตามมาตรา 321 ไม่ ฉะนั้นจำเลยจึงนำพยานมาสืบตามข้อต่อสู้ได้ ไม่ใช่กรณีตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 653 วรรค 2.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไป ๑,๐๐๐ บาท ล่วงเลยกำหนดเวลาแล้วไม่ใช้ จึงขอให้ศาลบังคับใช้เงินพร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยต่อสู้ว่า ได้กู้เงินโจทก์ไปจริงแต่ต้นเงินและดอกเบี้ยรายนี้จำเลยได้หักกลบลบหนี้กับโจทก์เสร็จสิ้นไปแล้ว โดยโจทก์ซื้อปืนพก ไปจากจำเลย ๑ กระบอกราคา ๒๓๕๐ บาทและได้ตกลงกับจำเลยให้หักกลบลบหนี้ เมื่อหักแล้ว โจทก์ยังเป็นหนี้ค่าปืนจำเลยอีก ๑,๑๐๐ บาท โจทก์ได้ใช้เงิน ๑,๑๐๐ บาท แก่จำเลยแล้ว จำเลยขอคืนหนังสือสัญญากู้ โจทก์บอกว่าได้ฉีกทำลายแล้ว จำเลยเชื่อเพราะเป็นพี่สะใภ้
ศาลชั้นต้นงดสืบพยานและวินิจฉัยว่าจำเลยนำสืบถึงการใช้เงิน โดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือไม่ได้ แล้วพิพากษาให้ จำเลยใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยแก่โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เป็นเรื่องหักหนี้สืบได้ จึงยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามข้อต่อสู้ของจำเลยว่า โจทก์ซื้อปืนพกจากจำเลย ๑ กระบอกเป็นเงิน ๒๓๕๐ บาท อันเป็นจำนวนแน่นอน และได้ตกลงว่า ให้หักกลบลบหนี้กัน จนโจทก์ได้ใช้เงิน ๑,๑๐๐ บาทแก่จำเลยแล้วดังนี้ ได้ชื่อว่าเป็นการหักกลบลบหนี้กัน ตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๓๔๑ หาใช่เป็นการใช้ทรัพย์แทนเงินกู้ตามมาตรา ๓๒๑ ไม่ จำเลยนำสืบได้ตามข้อต่อสู้
จึงพิพากษายืน

Share