คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1154/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทย์ฟ้องขอแบ่งมรดกโดยไม่มี พินัยกรรม์ จำเลยต่อสู้ว่าเจ้ามรดกทำพินัยกรรม์ยกให้จำเลยดังนี้หน้าที่นำสืบตกแก่จำเลย เมื่อได้สืบพยานทั้งสองฝ่ายไปจนสิ้นกระแสรืความแล้ว โดยศาลชั้นต้นให้โจทก์นำสืบก่อน โจทก์ไม่ได้แสดงให้เห็นว่า หากจะพิจารณาใหม่โจทก์จะมีพยานหลักฐานอื่นใดมาสืบพิศูจน์หักล้างพยานหลักฐานจำเลย เกี่ยวกับพินัยกรรม์อีกดังนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องสั่งให้พิจารณาใหม่

ย่อยาว

คดีนี้โจทย์ฟ้องขอแบ่งมรดกของนางพริ้งตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องจากจำเลย ๑ ใน ๘ ส่วน ฐานเป็นทายาทรับมรดกแทนที่นางแดงมารดา อ้างว่านางพริ้งตาย มิได้ทำพินัยกรรม
จำเลยต่อสู้ว่านางพริ้งทำพินัยกรรม์ยกที่ดินบ้านและห้องแถวตามบัญชีท้ายฟ้องหมาย ๑-๒-๓ ให้จำเลย ส่วนทรัพย์หมายเลข ๔-๕-๖ อยู่ที่จำเลยโจทก์ไม่เคยขอแบ่งจากจำเลย และว่านางแดงมารดาโจทก์ไม่เคยขอแบ่งจากจำเลย และว่านางแดงมารดาโจทก์มีบุตร ๖ คน โจทก์มีสิทธิรับแทนที่ได้ฉะเพาะส่วนของตนเท่านั้น
ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์นำสืบก่อน ก่อนสืบพยานโจทก์ได้ยื่นคำแถลงว่าที่ศาลสั่งให้โจทก์นำสืบก่อนนั้นยังไม่ถูกต้อง จึงขอแถลงคัดค้านไว้เพื่อสิทธิในการอุทธรณ์ฎีกาต่อไป
ศาลชั้นต้นเชื่อว่านางพริ้งได้ทำพินัยกรรม์ไว้จริง พิพากษาว่าทรัพย์ตามบัญชีท้ายฟ้องหมาย ๑-๒-๓ นางพริ้งได้ทำพินัยกรรม์ยกให้จำเลย คงให้เอาทรัพย์หมาย ๔-๕-๖ ประมูลหรือขายทอดตลาดได้เงินเท่าไรให้เป็นของโจทก์ ๑ ใน ๖ ของ ๑ ใน ๘ ส่วน
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีการวม ๒ ข้อ คือ (๑) ขอให้สั่งให้จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนและให้มีการพิจารณาใหม่ และ (๒) ข้อเท็จจริงไม่น่าเชื่อว่าเจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรม์
ฎีกาข้อ ๑ ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยย่อมมีหน้าที่นำสืบก่อนจริง แต่คดีนี้ศาลชั้นต้นได้สั่งให้โจทก์นำสืบก่อนและได้สืบพยานทั้งสองฝ่ายไปจนเสร็จสิ้นกระแสร์ความ แล้วอีกประการหนึ่งก็ไม่มีเหตุสมควรเพราะในคำขอโจทก์ไม่ได้แสดงให้เห็นว่า หากพิจารณาใหม่โจทก์จะมีพยานหลักฐานอื่นใดมาสืบพิศูจน์หักล้างพยานหลักฐานจำเลยเกี่ยวกับพินัยกรรม์นี้อีก ดคีนี้จึงไม่จำเป็นจะสั่งให้พิจารณาใหม่อีก
ฎีกาข้อ ๒ ศาลฎีกาฟังว่าเจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรม์ยกทรัพย์ให้จำเลยจริง
พิพากษายืน

Share