แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์กล่าวฟ้องว่า จำเลยใช้อุบายหลอกลวงเอาความเท็จมากล่าวแก่ผู้เสียหายว่าจำเลยร้อนเงิน ขอยืมเข็มขัดนาคไปจำนำก่อนเพื่อเอาเงินไปใช้หนี้ วันรุ่งขึ้นจะจัดการไถ่คืนให้ ซึ่งความจริงจำเลยไม่ได้มีเจตนาจะนำเข็มขัดนาคไปจำนำและจัดการไถ่คืนให้ผู้เสียหายดังกล่าว แต่จำเลยมีเจตนาจะเอาเข็มขัดนาคนั้นเสียเลย ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงมอบเข็มขัดนาคของผู้เสียหายให้จำเลยไป แล้วจำเลยเอาเข็มขัดนาคสายนี้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย
การบรรยายฟ้องเช่นนี้ ไม่เป็นฟ้องฐานฉ้อโกง ในฟ้องแสดงเพียงว่าจำเลยรับจะทำอะไรแล้วไม่ทำตามรับเท่านั้น การไม่ทำตามรับเช่นนี้ไม่ใช่ความผิดฐานฉ้อโกง แม้ในฟ้องมีคำว่าจำเลยใช้อุบายหลอกลวง แต่เมื่ออ่านฟ้องโดยตลอดจะพบว่า ไม่มีการหลอกลวงอันเป็นความผิดอาญา.
(ประชุมครั้งใหญ่ 11/2500)
ย่อยาว
เรื่อง ฉ้อโกง
โจทก์ฟ้องว่า “จำเลยบังอาจมีเจตนาทุจริตใช้อุบายหลอกลวงให้นางสาคร มียัง ส่งทรัพย์ให้จำเลย โดยจำเลยเอาความเท็จมากล่าวแก่นางสาคร มียังว่าจำเลยร้อนเงิน ขอยืมเข็มขัดนาคของนางสาคร มียัง ไปจำนำก่อนเพื่อเอาเงินไปใช้หนี้ วันรุ่งขึ้นจะจัดการไถ่คืนให้ ซึ่งความจริงจำเลยไม่ได้มีเจตนาจะนำเข็มขัดนาคไปจำนำและจัดการไถ่คืนให้นางสาคร มียัง ดังกล่าว แต่จำเลยมีเจตนาจะเอาเข็มขัดนาคนั้นเสียเลย นางสาคร มียัง หลงเชื่อในถ้อยคำอันเป็นเท็จของจำเลย จึงมอบเข็มขัดนาค ๑ สายราคา ๒,๖๐๐ บาทของนางสาคร มียัง ให้แก่จำเลยไป แล้วจำเลยเอาเข็มขัดนาคสายนี้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย” ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๓๐๔ จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย ๖ เดือน ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๓๐๔
จำเลยอุทธรณ์
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า ข้อความตามที่ปรากฎในฟ้อง ไม่มีข้อความอันเป็นเท็จ ซึ่งเป็นมูลให้เกิดความผิดฐานฉ้อ ข้อความตามที่ปรากฎในฟ้องแสดงเพียงว่า จำเลยรับจะทำอะไรแล้วไม่ทำตามรับเท่านั้น การไม่ทำตามรับดังคดีนี้ไม่ใช่ความผิดฐานฉ้อ ในฟ้องมีคำว่า จำเลยใช้อุบายหลอกลวงข้อนี้ก็จริงอยู่ แต่เมื่ออ่านฟ้องโดยตลอดจะพบว่า ไม่มีการหลอกลวงอันเป็นความผิดอาญา ฟ้องไม่เป็นฟ้อง พิพากษายืน.