คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1185/2529

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

ใช้มีดปลายแหลมแทงโจทก์ร่วมบริเวณคอค่อนไปทางหลังทางด้านซ้ายและขวาด้านละแผลที่แขนซ้ายอีก3แผลแต่ละแผลยาวประมาณ2เซนติเมตรถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วม ขณะกระทำผิดจำเลยยังเป็นนักศึกษาอยู่ไม่เคยถูกตำรวจจับกุมในข้อหาใดๆมาก่อนเหตุที่เกิดขึ้นก็เพราะโจทก์ร่วมซึ่งดื่มสุรามาก่อนกล่าวล่วงเกินน้องสาวจำเลยแล้วจำเลยกับโจทก์ร่วมก็โต้เถียงและทำร้ายกันถือว่ามีเหตุควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวโดยรอการลงโทษจำคุกให้.(ที่มา-ส่งเสิรมฯ)

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ขอ ให้ ลงโทษ จำเลย ฐาน พยายาม ฆ่า โจทก์ร่วม ด้วย การใช้ มีด ปลายแหลม แทง ที่ แขน และ บริเวณ คอ ด้านหลัง
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษา ยกฟ้อง เพราะ ถือ ว่า การ กระทำ ของ จำเลย เป็นการ ป้องกัน โดย ชอบ ด้วย กฎหมาย
โจทก์ โจทก์ร่วม อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษา แก้ เป็น ว่า จำเลย มี ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 จำเลย กระทำ โดย บันดาล โทสะ ตาม มาตรา72 ให้ จำคุก 3 ปี นอกจาก ที่ แก้ ให้ เป็น ไป ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า รายงาน การ ตรวจ ชันสูตร บาดแผล ของ แพทย์ท้ายฟ้อง ระบุ ว่า โจทก์ร่วม ถูก แทง ที่ บริเวณ คอ ค่อนไป ทาง หลังด้านซ้าย และ ขวา ด้าน ละ แผล กับ ที่ แขนซ้าย อีก 3 แผล แต่ละ แผลยาว ประมาณ 2 เซนติเมตร มี ลม ใน ช่องปอด ซ้าย เกิดจาก การ ถูก แทงต้อง ใส่ ท่อ ระบายลม จาก ช่องปอด ซ้าย ประกอบ กับ นายแพทย์ วิจิตรผู้ ชันสูตร บาดแผล ของ โจทก์ร่วม เบิกความ ว่า บาดแผล ที่ โจทก์ร่วมได้รับ ถ้า ไม่ ไป รักษา โดยเร็ว จะ ถึง แก่ ความตาย ได้ แสดงว่าจำเลย แทง โจทก์ร่วม อย่างน้อย 5 ครั้ง ทั้ง คอ ก็ ถือ ได้ ว่า เป็นอวัยวะ สำคัญ ข้อ ที่ จำเลย เบิกความ ว่า จำเลย ยก มีด ขึ้น แกว่งไป ข้างหน้า เพื่อ ไม่ ให้ โจทก์ร่วม เข้ามา เมื่อ ถูก นาย กลาง ใช้เก้าอี้ และ ถูก นาย รัน ใช้ เข็มขัด ตี หลัง จำเลย จำเลย ชน โจทก์ร่วมและ ล้ม ไป ด้วยกัน เป็น ทำนอง ว่า จำเลย ไม่ ได้ ตั้งใจ แทง โจทก์ร่วมนั้น ขัด กับ บาดแผล ที่ โจทก์ร่วม ได้ รับ ข้ออ้าง ของ จำเลย จึงฟัง ไม่ ได้ ข้อเท็จจริง ฟัง ได้ ว่า จำเลย มี เจตนา ฆ่า โจทก์ร่วมส่วน ข้อ ที่ ว่า การ กระทำ ของ จำเลย เป็น การ ป้องกัน โดย ชอบ ด้วยกฎหมาย หรือไม่ นั้น จำเลย เบิกความ ว่า ก่อน เกิด โต้เถียง กันโจทก์ร่วม พูดจา ลวนลาม กับ จับมือ และ จับนม นางสาว ขนิษฐา ก่อน แม้จะ มี นางสาว ขนิษฐา เบิกความ สนับสนุน แต่ นางสาว ขนิษฐา เบิกความ ว่าเรื่อง ที่ โจทก์ร่วม จับนม ตน นั้น พยาน แจ้ง ต่อ ตำรวจ แล้ว ตำรวจไม่ รับ แจ้ง เห็นว่า หาก โจทก์ร่วม จับนม นางสาว ขนิษฐา จริง นางสาวขนิษฐา ย่อม มี ความ อาย ไม่ ยอม เลิกคดี ง่ายๆ และ จำเลย คง ไม่ ใจดีเพียง บอก ให้ โจทก์ร่วม กลับบ้าน ข้อเท็จจริง เชื่อ ว่า โจทก์ร่วมซึ่ง ดื่ม สุรา มา ก่อน ได้ ว่ากล่าว หรือ ล่วงเกิน นางสาว ขนิษฐาจากนั้น โจทก์ร่วม กับ จำเลย โต้เถียง และ ทำร้าย กัน แต่ ไม่ เชื่อ ว่าโจทก์ร่วม จะ จับนม นางสาว ขนิษฐา ด้วย การ กระทำ ของ จำเลย จึง ไม่เป็น การ ป้องกัน โดย ชอบ ด้วย กฎหมาย ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัย ว่า จำเลยกระทำ ความผิด โดย บันดาล โทสะ ชอบ แล้ว
ที่ จำเลย ฎีกา ขอ ให้ ลงโทษ สถานเบา และ รอ การ ลงโทษ นั้น จำเลยเบิกความ ว่า จำเลย มี อาชีพ รับซ่อม วิทยุ โทรทัศน์ นอกจาก นี้ ยังมี ร้าน ขาย อาหาร ขณะ เกิดเหตุ จำเลย กำลัง ศึกษา อยู่ ที่ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย รามคำแหง และ จำเลย ไม่ เคย ถูก ตำรวจ จับกุมใน ข้อหา ใดๆ มา ก่อน ศาลฎีกา เห็นว่า แม้ จำเลย จะ แทง โจทก์ร่วม ถึง5 ครั้ง แต่ โจทก์ร่วม ดื่ม สุรา และ ก่อเหตุ ว่ากล่าว ล่วงเกินนางสาว ขนิษฐา จากนั้น โจทก์ร่วม กับ จำเลย จึง โต้เถียง และ ทำร้ายกัน ประกอบ กับ โจทก์ร่วม มี พวก อีก 2 คน จำเลย ย่อม หวาด ระแวง ว่าจะ ถูก กลุ้มรุม ทำร้าย เมื่อ พิจารณา ถึง อายุ ความ ประพฤติ การ ศึกษาอบรม และ อาชีพ ของ จำเลย ประกอบ แล้ว เห็นควร ให้ โอกาส จำเลย กลับตัว
พิพากษา แก้ เป็น ว่า ให้ จำคุก จำเลย 2 ปี และ ให้ รอ การ ลงโทษ ไว้มี กำหนด 3 ปี ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 นอกจาก ที่ แก้ ให้ เป็นไป ตาม คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์

Share