แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยต่างมีสิทธิตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ที่จะขอจดทะเบียนใช้อักษรจีนคำว่า ‘เล่างี่ชุน’ เป็นเครื่องหมายการค้า กรณีจึงต้องด้วยมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าฯ ซึ่งนายทะเบียนเครื่องหมายการค้ารับจดทะเบียนให้ทั้งสองฝ่ายได้ ดังนั้นแม้จำเลยจะได้ใช้สิทธิจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้าแล้วโจทก์ก็ยังมีสิทธิใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวเป็นสิทธิตามสัญญาอยู่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการโต้แย้ง สิทธิโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า นายโต๊ะเซี้ยง แซ่เล้า บิดาโจทก์เป็นพี่ชายจำเลยที่ 2 ทำการค้าสุรายาด้วยกันต่างใช้ชื่อยี่ห้อและเครื่องหมายการค้าเป็นอักษรจีนว่า “เล่างี่ชุน” ต่อมาบิดาโจทก์และจำเลยที่ 2 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีของศาลแพ่งหมายเลขแดงที่ 462-463/2502 ว่าบิดาโจทก์และจำเลยที่ 2 มีสิทธิใช้เครื่องหมายการค้ายี่ห้อ “เล่างี่ชุน” ในการค้าของแต่ละฝ่ายแต่ละคนได้โดยเสรี และแต่ละฝ่ายมีสิทธิที่จะนำคำว่า “เล่างี่ชุน” ไปจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นยี่ห้อหรือเครื่องหมายการค้าได้ทั้งสองฝ่ายศาลพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมคดีถึงที่สุดแล้ว ต่อมาบิดาโจทก์ถึงแก่กรรม โจทก์เป็นผู้รับมรดกตามพินัยกรรมและเป็นผู้จัดการมรดกตลอดถึงกิจการและสิทธิต่าง ๆ เกี่ยวกับสินค้าและเครื่องหมายการค้าหลายเครื่องหมายที่มีอักษรจีนว่า “เล่างี่ชุน” นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าโอนให้โจทก์ทั้งหมด จำเลยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 และจดทะเบียนเอาบุตรของจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยที่ 1 ยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้าจำพวกสุรายา มีคำอักษรภาษาจีนว่า “เล่างี่ชุน” อยู่ด้วย โจทก์ยื่นคำคัดค้านต่อจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นนายทะเบียนเครื่องหมายการค้า ขอให้สั่งจำเลยที่ 1 ให้จดแจ้งข้อความไว้ด้วยว่า ไม่ขอถือสิทธิใช้คำ “เล่างี่ชุน” นั้นแต่ผู้เดียว ผู้รับโอนสิทธิจากนายโต๊ะเซี้ยง แซ่เล้ามีสิทธิตามสัญญาประนีประนอมยอมความเช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 3 เห็นว่าไม่จำต้องให้จำเลยที่ 1 แสดงปฏิเสธเช่นนั้น เป็นเรื่องที่คู่สัญญาจะปฏิบัติต่อกันตามสัญญาได้ นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าไม่มีอำนาจหรือหน้าที่ที่จะสั่งให้คู่สัญญาปฏิบัติตามสัญญา การที่จำเลยที่ 1 ขอจดทะเบียนดังกล่าวทำให้โจทก์ผู้รับโอนสิทธิจากนายโต๊ะเซี้ยงเสียหาย จำเลยที่ 3 รับจดทะเบียนให้จำเลยที่ 1 โดยไม่รับฟังคำคัดค้านของโจทก์เป็นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ ขอให้พิพากษายกเลิกคำสั่งจำเลยที่ 3 ที่สั่งให้รับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าใช้อักษรจีนคำว่า “เล่างี่ชุน” ไม่ให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ใช้สิทธิแต่ผู้เดียวในอักษรจีนคำว่า “เล่างี่ชุน”
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การทำนองเดียวกันว่า สัญญาประนีประนอมระหว่างนายโต๊ะเซี้ยง แซ่เล้า กับจำเลยที่ 2 ไม่ผูกพันจำเลยที่ 1 บุคคลภายนอก เครื่องหมายการค้าเป็นสิทธิเฉพาะตัวไม่ตกทอดถึงโจทก์ทายาท การที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไม่ทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลยที่ 3 ให้การว่า คณะกรรมการเครื่องหมายการค้ามีคำวินิจฉัยสั่งให้ดำเนินการรับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามคำขอของจำเลยที่ 1 ก่อนที่นายโต๊ะเซี้ยง แซ่เล้า ถึงแก่ความตาย นายโต๊ะเซี้ยงไม่คัดค้านถือว่า นายโต๊ะเซี้ยงได้สละสิทธิตามสัญญาแล้ว คำสั่งจำเลยที่ 3 กระทำไปโดยชอบ
ในวันนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้จึงสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยเสีย
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง แต่จำเลยที่ 2 มิได้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ไม่มีเหตุจะต้องบังคับจำเลยที่ 2 และพิพากษาให้ยกเลิกคำสั่งของจำเลยที่ 3 ในฐานะนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่ได้สั่งให้รับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่ใช้อักษรจีนคำว่า “เล่างี่ชุน” ถือสิทธิได้แต่ผู้เดียวตามคำขอของจำเลยที่ 1 โดยไม่ให้จำเลยที่ 1 ขอสิทธิในเครื่องหมายการค้าที่ใช้อักษรจีนคำว่า “เล่างี่ชุน” แต่ผู้เดียวต่อนายโต๊ะเซี้ยง แซ่เล้า และผู้รับโอนสิทธิจากนายโต๊ะเซี้ยง แซ่เล้า คำฟ้องของโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ให้ยกเสีย
จำเลยที่ 1 และที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามที่ตนมีสิทธิ ไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 เสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อโจทก์ถือว่าจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายจำเลยที่ 2 ดังข้อความที่ระบุในสัญญาประนีประนอมยอมความตามคดีของศาลแพ่งหมายเลขแดงที่ 462-463/2502 ซึ่งโจทก์กับจำเลยที่ 1 ต่างมีสิทธิตามสัญญานั้นที่จะใช้อักษรจีนคำว่า “เล่างี่ชุน” เป็นเครื่องหมายการค้าด้วยกันแล้ว ทั้งสองฝ่ายก็มีสิทธิตามสัญญาที่จะจดทะเบียนคำว่า “เล่างี่ชุน” เป็นเครื่องหมายการค้าได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างมีสิทธิตามสัญญาที่จะขอจดทะเบียนใช้อักษรจีนคำว่า “เล่างี่ชุน” เป็นเครื่องหมายการค้ากรณีจึงต้องด้วยมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พุทธศักราช 2474 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2504 มาตรา 5 ซึ่งนายทะเบียนเครื่องหมายการค้ารับจดทะเบียนให้ทั้งสองฝ่ายได้ จำเลยที่ 1 ใช้สิทธิจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้าตามสัญญา โจทก์ก็ยังมีสิทธิตามสัญญาอยู่เช่นเดียวกัน จึงไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิจะบังคับจำเลยที่ 1 ให้กระทำนอกเหนือสัญญา
พิพากษายืน