แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นปลัดอำเภอทำหน้าที่รับคำขอจดทะเบียนอาวุธปืนส่งเจ้าหน้าที่เพื่อพิจารณาสั่งอนุญาตแล้วจึงเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ร้องขออนุญาตนั้น หากรับคำขอจดทะเบียนและเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมไว้แล้วเบียดบังเงินค่าธรรมเนียมทั้งหมดเสีย และทำให้คำขอจดทะเบียนสูญหายไปบ้างบางส่วนนั้น จำเลยย่อมมีผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 หาผิดตามมาตรา 151, 154, 157, 158, 352 ด้วยไม่
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๐๑ ถึงวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๐๑ จำเลยซึ่งเป็นปลัดอำเภอมีหน้าที่รับคำขอจดทะเบียนอาวุธปืนซึ่งทางราชการอนุญาตให้ผู้มีอาวุธปืนไม่จดทะเบียนเพื่อส่งเจ้าหน้าที่พิจารณาสั่งอนุญาตให้จดทะเบียน แล้วจึงเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ร้องขออนุญาตได้ จำเลยได้รับคำขอจดทะเบียนอาวุธปืนจากผู้มีชื่อไว้ ๓๔๗ ราย แล้วไม่นำส่งเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่สั่งคำขอตามระเบียบ และจำเลยได้เรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมในการขอจดทะเบียนจากผู้มีชื่อดังกล่าว เป็น เงิน ๓๓,๓๒๕ บาท แล้วเบียดบังยักยอกเงินนั้นเสีย และทำให้เอกสารเรื่องราวคำขอจดทะเบียนสูญหายไป ทำให้เกิดเสียหายแก่ผู้ร้องขอ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๗, ๑๕๑, ๑๕๔, ๑๕๗, ๑๕๘, ๓๕๒ ขอให้คืนหรือใช้เงินแก่เจ้าทรัพย์ด้วย
จำเลยให้การภาคเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยแสดงตนว่ามีหน้าที่เรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมจากราษฎร ผู้มาขอจดทะเบียนอาวุธปืนโดยอาศัยตำแหน่งหน้าที่ราชการแล้วยักยอกเงินและทำให้คำร้องขอจดทะเบียนสูญหายไป ๒๑๘ ราย พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๔๗, ๑๕๑, ๑๕๔, ๑๕๗, ๑๕๘, ๓๕๒ รวมกระทงลงโทษจำคุก ๔ ปี ให้จำเลยคืนและใช้เงิน ๓๓,๓๒๕ บาทแก่เจ้าทรัพย์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พยานโจทก์ขัดแย้งกันอยู่ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดดังโจทก์ฟ้อง พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
อัยการโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษ
ศาลฎีกาเห็นว่า พยานโจทก์เบิกความรับฟัง เชื่อเป็นความจริงได้โดยปราศจากข้อสงสัย เพราะนอกจาเงินค่าธรรมเนียมที่จำเลยกับนายสมบุญร่วมกันรับไว้จากราษฎรผู้ขอจดทะเบียนอาวุธปืนจำนวน ๓๔๗ ราย จะขาดหายไปแล้ว คำขอก็สูญหายไปถึง ๒๑๘ รายอีกด้วย ที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาไม่เห็นชอบด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น แต่ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๑, ๑๕๔, ๑๕๗, ๑๕๘ และมาตรา ๓๕๒ แล้วรวมกระทงลงโทษจำคุกจำเลยมานั้นยังไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นว่าความผิดของจำเลยต้องด้วยมาตรา ๑๔๗ เพียงมาตราเดียว
จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๗ คงให้จำคุกจำเลยตามที่ศาลชั้นต้นกำหนด นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น