คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1183/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะโทษที่ลงแก่จำเลยเป็นว่า จำคุก 40 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่ง จำคุก 20 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยศาลอุทธรณ์มิได้แก้บทกฎหมายที่จำเลยกระทำความผิดเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ที่โจทก์ฎีกาว่า ควรลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพราะเป็นความผิดร้ายแรง เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ในการลงโทษจำเลย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ริบเฮโรอีนและรถจักรยานยนต์ทะเบียนพังงา ฆ-6900 ของกลาง

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง วรรคสอง 66 วรรคหนึ่ง เป็นความผิดกรรมเดียวลงโทษจำเลยข้อหาจำหน่ายเฮโรอีน จำคุกตลอดชีวิต จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุก 25 ปี เฮโรอีนและรถจักรยานยนต์ของกลางให้ริบ

จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลดโทษจำคุก

ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่า จำคุก 40 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่ง จำคุก20 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะโทษที่ลงแก่จำเลย มิได้แก้บทกฎหมายที่จำเลยกระทำความผิดเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ที่โจทก์ฎีกาว่า ควรลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพราะเป็นความผิดร้ายแรง เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ภาค 8 ในการลงโทษจำเลย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคสอง ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาโจทก์ จึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

พิพากษายกฎีกาโจทก์

Share