คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1183/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกเงินตาม สัญญากู้ยืม จำเลยให้การต่อสู้ คดีว่าโจทก์ให้จำเลยลงลายมือชื่อในแบบพิมพ์สัญญากู้ที่ยังไม่ได้กรอกข้อความ ดังนี้จำเลยจึงมีสิทธินำสืบว่า พยานในแบบพิมพ์ดังกล่าวยังไม่มี ก. พยานโจทก์มิได้ลงลายมือชื่อและมิได้รู้เห็นเหตุการณ์ทั้งศาลกำหนดให้จำเลยนำสืบก่อนจำเลยจึงไม่อาจถามค้านโจทก์ไว้ก่อนได้ การนำสืบของจำเลยดังกล่าวจึงไม่ เป็นการนำสืบนอกคำคู่ความและนอกประเด็น โจทก์ฟ้องเรียกหนี้ 14,000 บาท ได้ความว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์3,532.25 บาท ดังนี้ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ตาม ที่ได้ความได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ยืมจำนวน 14,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้กู้ยืมเงินโจทก์จำนวน 14,000 บาทแต่เป็นหนี้โจทก์ในต้นเงินเพียง 3,532.25 บาท ต่อมาจำเลยไม่มีเงินชำระโจทก์ให้จำเลยลงลายมือชื่อไว้ในแบบพิมพ์หนังสือสัญญากู้เงินโดยยังไม่ได้กรอกข้อความ โจทก์เก็บหนังสือสัญญากู้เงินไว้ ต่อมาโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระเงิน 3,532.25 บาท โจทก์ได้กรอกจำนวนเงินลงในสัญญากู้ดังกล่าวเกินกว่าหนี้ที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่จริงจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
ศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 3,532.25 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
โจทก์อุทธรณ์ โดยผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นได้รับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยไม่มีสิทธินำสืบว่านายดาบตำรวจกิตติ มีพงษ์ พยานโจทก์ไม่รู้เห็นการทำหนังสือสัญญากู้เงินตามเอกสารหมาย จ.2 เพราะจำเลยไม่ได้ถามค้านพยานโจทก์ไว้ก่อน ศาลไม่อาจรับฟังพยานจำเลยที่นำสืบเช่นนั้นเพราะเป็นการฟังพยานนอกคำคู่ความและนอกประเด็นนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยได้ให้การต่อสู้คดีว่า ขณะโจทก์ให้จำเลยลงลายมือชื่อในแบบพิมพ์หนังสือสัญญากู้ท้ายฟ้องหมายเลข 1 นั้น แบบพิมพ์ดังกล่าวยังไม่ได้กรอกข้อความ จำเลยจึงมีสิทธินำสืบว่าพยานในแบบพิมพ์ดังกล่าวยังไม่มีกล่าวคือ นายดาบตำรวจกิตติ มีพงษ์ ที่ลงลายมือชื่อเป็นพยานในแบบพิมพ์หนังสือสัญญากู้เงินตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 หรือเอกสารหมาย จ.2 ยังไม่ได้ลงลายมือชื่อ และเป็นพยานที่ไม่รู้เห็นเหตุการณ์ ประกอบกับคดีนี้ศาลกำหนดให้จำเลยนำสืบก่อน จำเลยจึงไม่อาจถามค้านพยานโจทก์ไว้ก่อนได้ การนำสืบของจำเลยดังกล่าวจึงไม่เป็นการนำสืบนอกคำคู่ความและนอกประเด็น…
โจทก์ฎีกาต่อมาว่า โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์จำนวน14,000 บาท ตามเอกสารหมาย จ.2 มิได้ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้ตามเอกสารหมาย จ.1 การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยใช้หนี้แก่โจทก์จำนวน 3,532.25 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2528 ไปจนกว่าจะชำระเสร็จ จึงเป็นการพิพากษานอกฟ้องนอกประเด็นนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไปจำนวน 14,000 บาท ปรากฏตามหนังสือสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.2 จำเลยได้ให้การต่อสู้ว่า ความจริงจำเลยกู้เงินโจทก์ไปเพียง 3,532.25 บาท การที่ศาลล่างทั้งสองฟังพยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานของจำเลยมีน้ำหนักดีกว่าพยานหลักฐานของโจทก์ จึงพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้โจทก์เพียง 3,532.25 บาท พร้อมดอกเบี้ยตามที่จำเลยให้การต่อสู้นั้น หาได้เป็นการพิพากษานอกฟ้องนอกประเด็นไม่…”
พิพากษายืน.

Share