คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 925/2481

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างในค่าเดินทางมารับหน้าที่+ต้องถือว่าเป็นประโยชน์+ซึ่งนายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเป็นค่าแรงงานตาม ม.7(ก) ไม่ใช่เป็นเบี้ยทดแทนรายจ่ายพิเศษหรือประโยชน์เพิ่มอันจ่ายโดยสุจริตเป็นโสหุ้ยอันระบุฉะเพาะซึ่งลูกจ้างต้องจ่าย+การปฏิบัติการตามหน้าที่ตาม ม.8 วรรค 2 และเงินจำนวนที่กล่าวนี้จะต้องเสียภาษีเงินได้+คดีอังกฤษ

ย่อยาว

ได้ความว่าบริษัท บ.ได้ทำสัญญาจ้างโจทก์จากประเทศสก๊อตแลนด์ให้มาทำงานในหน้าที่สมุหบัญชีกรุงเทพ ฯ โดยสัญญาจะจ่ายค่าใช้จ่ายโดยสมควรและจำเป็นในการเดินทางจากที่อยู่ของโจทก์จนถึงกรุงเทพ ฯ เมื่อโจทก์เดินทางมาถึงแล้ว จึงตั้งเบิกจากบริษัทเป็นเงิน ๑๒๕๘ บาท ๑๔ สตางค์ บริษัทได้จ่ายให้แล้ว ต่อมาจำเลยได้ประเมินเก็บภาษีเงินได้ในเงินจำนวนนี้จากโจทก์ ๆ จึงฟ้องจำเลยเรียกเงินคืน อ้างว่าเงินค่าเดินทางรายนี้ไม่ใช่ประโยชน์เพิ่มซึ่งนายจ้างจ่ายหรือให้แก่ลูกจ้างเป็นค่าแรงงานที่จ้างตาม ม.๗ (ก) แห่ง พ.ร.บ.ภาษีเงินได้
ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลล่างทั้ง ๒ ว่าตาม ม.๗ (ก) นั้นโจทก์จะต้องเสียภาษีในจำนวนเงินที่รับเป็นค่าจ้างหรือประโยชน์เพิ่มจากนายจ้างทั้งสิ้น เว้นไว้แต่จะเป็นเบี้ยทดแทนรายจ่ายพิเศษหรือประโยชน์เพิ่มอันจ่ายโดยสุจริตเป็นโสหุ้ยซึ่งลูกจ้างต้องจ่ายในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ตาม ม.๘ และคำว่า “ในการปฏิบัติตามหน้าที่” นี้ต้องหมายความว่าลูกจ้างได้ลงมือรับหน้าที่แล้วแต่การที่โจทก์ได้รับเงินจากบริษัทมาจ่ายค่าพาหนะเพื่อมารับหน้าที่นั้นไม่เข้าข้อยกเว้นตาม ม.๘ ตามนัยแห่งคดีอังกฤษ จึงพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์

Share