คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 118/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติล้มละลาย ได้บัญญัติกระบวนพิจารณาเรื่องการขอรับชำระหนี้ไว้โดยเฉพาะเพื่อให้เจ้าหน้าได้รับความสดวก รวดเร็ว และเสียค่าใช้จ่ายน้อยมีลักษณะไม่เหมือนกับการฟ้องคดี ฉะนั้น จึงนำบทบัญญัติเกี่ยวกับการทิ้งฟ้องเช่นคดีแพ่ง สามัญมาใช้ไม่ได้
การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หมายนัดให้เจ้าหน้าที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้นำพยานหลักฐานไปให้สวบสวนนั้น เมื่อเจ้าหนี้ไม่ไปตามนัด จะถือว่าขาดนัดพิจารณาโดยอนุโลมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งย่อมไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้ เดิมศาลแพ่งมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด ผู้ร้องได้ยื่นคำขอชำระหนี้ ต่อมาเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รายงานศาลว่า ผู้ร้องกับเจ้าหนี้ รายอื่นได้รับหมายนัดของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ๒ ครั้งแล้ว แต่ไม่นำพยานไปให้สอบสวน ขอให้จำหน่ายคำขอรับชำระหนี้
ศาลแพ่งสั่งจำหน่ายคำขอรับชำระหนี้
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลแพ่ง ให้ศาลแพ่ง ดำเนินการในเรื่องคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องต่อไป
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายได้บัญญัติกระบวนพิจารณาไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลายโดยเฉพาะ ทั้งนี้ ก็เพื่อให้เจ้าหนี้ได้รับความสดวก เสียค่าใช้จ่ายน้อย และเพื่อให้รอดเร็ว วิธีการไม่มีลักษณะเหมือนการฟ้องคดีจึงจะนำบทบัญญัติเกี่ยวกับการทิ้งฟ้องเช่นคดีแพ่งสามัญมาใช้ไม่ได้
ส่วนการที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หมายนัดให้เจ้าหน้านำพยานหลักฐานไปให้สอบสวนในเรื่องคำขอรับชำระหนี้ที่ไม่มีผู้โต้แย้งรายนี้นั้น ไม่ใช่เป็นการกำหนดวันเริ่มต้นนัดการสืบพยาน เมื่อเจ้าหนี้ไม่ไปตามนัด จะถือว่าขาดนัดพิจารณาโดยอนุโลมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๑ ย่อมไม่ได้ และการจำหน่ายคดีนั้น จะถือว่า มีผลเท่ากับยกคำขอรับชำระหนี้ก็ไม่ได้เหมือนกัน เพราะการจำหน่ายคดีในแพ่งสามัญ เจ้าหนี้ อาจยื่นฟ้องได้ใหม่ แต่ขอคำรับชำระหนี้ ในคดีล้มละลาย ไม่มีทางปฏิบัติเช่นนั้นได้ กล่าวคือ กว่าจะมีการสั่งประการใด ก็ล่วงเลยกำหนดเวลาที่จะยื่นคำขอรับชำระหนี้ ใหม่เสียแล้ว วิธีการเป็นคนละอย่าง ไม่อาจนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เรื่องการขาดนัดพิจารณามาอนุโลมใช้ในเรื่องคำขอรับชำระหนี้รายนี้ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share