คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1173/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมิได้ทำหน้าที่สอดส่องความเคลื่อนไหวของเจ้าพนักงานตำรวจแล้วแจ้งให้คนร้ายทราบ แต่ในระหว่างที่พวกคนร้ายจับตัวผู้เสียหายไปกักขังไว้เพื่อเรียกค่าไถ่ เจ้าพนักงานตำรวจได้ติดตามไปช่วยเหลือผู้เสียหายและจับกุมคนร้าย ขณะที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกำลังค้นหาตัวผู้เสียหายอยู่นั้น จำเลยได้ขี่รถจักรยานไปที่บ้านร้างแล้วตะโกนบอกตำรวจนอกเครื่องแบบคนหนึ่งว่ามีตำรวจมา 2 คันรถ เพราะจำเลยเข้าใจว่าตำรวจคนนั้นเป็นคนร้ายนั้น ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนร้าย กระทำความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายเพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่ อันจะเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่นายพยุงกับพวกซึ่งกำลังกระทำความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังตัวนายอนันต์เพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่และทำให้นายอนันต์ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย โดยขณะที่นายพยุงกับพวกกำลังกระทำความผิดดังกล่าวอยู่ จำเลยได้รับเป็นผู้ช่วยเหลือในการกระทำความผิด โดยเป็นหูเป็นตาสอดส่องความเคลื่อนไหวของเจ้าพนักงานตำรวจแล้วแจ้งให้นายพยุงกับพวกทราบทุกระยะ และขณะที่จำเลยกำลังกระทำความผิดดังกล่าวอยู่ จำเลยทราบว่าเจ้าพนักงานตำรวจกำลังเข้าล้อมจับนายพยุงกับพวกในความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังบุคคลเพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่ จำเลยได้แจ้งให้นายพยุงกับพวกทราบโดยตะโกนบอกว่าตำรวจมาสองคันรถ เป็นการช่วยเหลือนายพยุงกับพวกซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังบุคคลเพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษและเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313, 310, 86, 189 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ข้อ 11 พ.ศ. 2514

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเห็นว่าการกระทำของจำเลยยังไม่เข้าข่ายความผิดฐานสนับสนุนผู้อื่นให้ทำความผิดตามมาตรา 86 แต่เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 189 พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ยกข้อหาอื่น

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา ศาลสั่งรับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยเป็นการสนับสนุนผู้อื่นในการกระทำผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังบุคคลเพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่หรือไม่

ศาลฎีกาเห็นว่า ในการวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ซึ่งศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า นายพยุงกับพวกได้จับตัวนายอนันต์ผู้เสียหายไปกักขังไว้เพื่อเรียกค่าไถ่ เจ้าพนักงานตำรวจได้ติดตามไปช่วยเหลือผู้เสียหายและจับกุมคนร้ายที่หมู่ที่ 5 ตำบลดงละคร ระหว่างที่ตำรวจทั้งนอกและในเครื่องแบบกำลังค้นหาตัวผู้เสียหายอยู่นั้น จำเลยได้ขี่รถจักรยานไปที่บ้านร้าง แล้วตะโกนบอกกับสิบตำรวจโทนิโชว์ซึ่งไม่ได้แต่งเครื่องแบบว่ามีตำรวจมา 2 คันรถ โดยจำเลยเข้าใจว่าสิบตำรวจโทนิโชว์เป็นคนร้าย จำเลยมิใช่ผู้ทำหน้าที่สอดส่องความเคลื่อนไหวของเจ้าพนักงานตำรวจแล้วแจ้งให้คนร้ายทราบ แล้ววินิจฉัยว่า จำเลยมิได้ทำหน้าที่สอดส่องความเคลื่อนไหวของเจ้าพนักงานตำรวจแล้วแจ้งแก่คนร้ายที่จำเลยตะโกนบอกกับสิบตำรวจโทนิโชว์ซึ่งจำเลยเข้าใจว่าเป็นคนร้ายว่ามีตำรวจมา2 คันรถเช่นนี้ถือไม่ได้ว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนร้ายกระทำความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายเพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่ อันจะเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

พิพากษายืน

Share